PTT เผย Q1/68 กำไร 2.3 หมื่นล้าน คาดปีนี้ยังเสี่ยง ตั้งวอร์รูมรับสงครามการค้า

PTT เปิดผลประกอบการ Q1/68 กำไร 23,315 ล้านบาท วูบ 19.5% เหตุธุรกิจการกลั่น – สต๊อกน้ำมันฉุด คาดปี 2568 ยังเสี่ยงจากเศรษฐกิจชะลอตัวมากกว่าที่คาด ราคาพลังงานลด ตั้งวอร์รูมรับสงครามการค้า

นางสาวภัทรลดา สง่าแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดําเนินงานของบริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) และบริษัทย่อย สําหรับงวด 3เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 25 ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า  แม้ว่าเศรษฐกิจโลกในไตรมาส 1 ปี 2568 (1Q2568) ขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2567อย่างไรก็ตาม ความกังวลด้านอุปทานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากนโยบายพลังงานของสหรัฐฯ หลังมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในช่วงปลายปี2567 และนโยบายการขึ้นภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่ออกมาในช่วงปลาย 1Q2568 เป็นปัจจัยกดดันราคาพลังงาน

โดยราคานํ้ามันดิบดูไบใน 1Q2568 เฉลี่ยอยู่ที่ 76.9 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อ่อนตัวลง จาก 1Q2567 ที่ระดับ 81.3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลอย่างไรก็ตาม กลุ่ม ปตท. มีการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานรวมทั้งบริหารสมดุลผ่านโครงการต่างๆ ของบริษัทในกลุ่ม

ทําให้ใน 1Q2568 ปตท. และบริษัทย่อย มีกําไรสุทธิจํานวน 23,315ล้านบาท ลดลง 5,653ล้านบาท หรือร้อยละ 19.5จากใน 1Q2567 ที่จํานวน 28,968 ล้านบาท ทั้งนี้ผลการดําเนินงานของกลุ่ม ปตท. ในปี 2568 ยังเผชิญความเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัว มากกว่าคาด รวมถึงคาดการณ์ราคาพลังงานที่ปรับลดลงอย่างไรก็ตาม กลุ่ม ปตท. มีการบริหารจัดการ ผลกระทบ โดยได้มีการจัดตั้ง War Room เพื่อรับมือสถานการณ์เศรษฐกิจโลกถดถอยจากสงครามการค้า รวมถึงการผลักดันโครงการต่างๆ เพื่อก้าวไปสู่ความสําเร็จร่วมกันภายในกลุ่ม ปตท.

ใน 1Q2568 ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจํานวน 700,223 ล้านบาท ลดลงจํานวน 82,056 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.5 จาก ในไตรมาส 1 ปี 2567 (1Q2567) ที่จํานวน 782,279 ล้านบาท โดยหลักจาก กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และกลุ่มธุรกิจปิ โตรเคมีและการกลั่น จากราคาขายที่ลดลงตามราคานํ้ ามันในตลาดโลก นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีรายได้จากการขายลดลงเช่นกัน โดยหลักจากธุรกิจจัดหา และค้าส่งก๊าซฯ ที่ปริมาณขายเฉลี่ยปรับลดลง

โดยหลักจากกลุ่มลูกค้าโรงไฟฟ้าที่ได้รับใบอนุญาตจัดหาและ ค้าส่งก๊าซฯ (New Shippers) มีการนําเข้า LNG เพื่อใช้ในโรงไฟฟ้าของตนเองเพิ่ มขึ้น ประกอบกับราคาขาย เฉลี่ยปรับลดลงตามราคา Pool Gas จากการรับรู้ผลกระทบของนโยบาย Single Pool ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 เป็ นต้นมา นอกจากนี้ มีการปรับอัตราค่าบริการก๊าซฯ สําหรับผู้รับใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซฯ ตามมติคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน (กกพ.) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567

ADVERTISMENT

แม้ว่าใน 1Q2567 จะมีการนําค่าปรับจากปริมาณที่ผู้ผลิตก๊าซฯ ส่งได้ไม่ถึงปริมาณตามสัญญา (Shortfall) ของแหล่งก๊าซฯ ในอ่าวไทยจํานวน 4,300 ล้านบาท มาคํานวณเป็ นส่วนลดราคา Pool Gas ตามคําสั่ ง กกพ. นอกจากนี้ ราคาขาย เฉลี่ยให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมปรับลดลงตามราคาอ้างอิง แม้ว่าธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ มีรายได้เพิ่ มขึ้นจาก ปริมาณขายรวมที่ปรับเพิ่ มขึ้นโดยหลักจากผลิตภัณฑ์ Ethane ภายหลังจากการปรับแผนการเดินเครื่องของ โรงแยกก๊าซฯ (Optimization) แม้ว่าราคาขายโดยเฉลี่ยทรงตัว

ใน 1Q2568 ปตท. และบริษัทย่อย มีกําไรสุทธิจํานวน 23,315 ล้านบาท ลดลง 5,653 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 19.5 จากใน 1Q2567 ที่จำนวน 28,968 ล้านบาท จาก EBITDA ที่ลดลง ตามกล่าวข้างต้น แม้ว่ากําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น และขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ลด ลง ประกอบกับ ใน 1Q2568 มีการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจํา (Non-recurring Items) สุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. เป็นขาดทุนประมาณ 200 ล้านบาท

โดยหลักจากส่วนแบ่งผลขาดทุนจากการด้อยค่าสุทธิกับการกลับรายการ ด้อยค่าเงินลงทุนของบริษัท อูเบะ เคมิคอลส์ (เอเชีย) จํากัด (มหาชน) (UCHA) ของบริษัท ไออาร์พีซี จํากัด (มหาชน) (IRPC)ขณะที่ใน 1Q2567 มีการรับรู้ Non-recurring Items สุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. เป็นกําไรประมาณ 4,600 ล้านบาท โดยหลักจากกําไรจากการขายเงินลงทุนใน Alvogen Malta (Out-licensing) Holding Ltd. (AMOLH)ของบริษัท ปตท. โกลบอล แมนเนจเม้นท์ จํากัด (PTTGM)

ใน 1Q2568 ปตท. และบริษัทย่อยมีEBITDA จํานวน 93,527 ล้านบาท ลดลง25,190 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.2 จากใน 1Q2567 ที่จํานวน 118,717 ล้านบาท โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจปิ โตรเคมีและการกลั่น โดยธุรกิจการกลันมีผลการดําเนินงานลดลงจากกําไรขั้นต้นจากการกลั่น ( Market GRM) ที่ลดลง ประกอบกับ Crude Premium ที่ปรับเพิ่มขึ้น

ใน 1Q2568 ปตท. และบริษัทย่อยมีกําไรสต๊อกนํ้ามันสุทธิกับมูลค่าสุทธิที่ จะได้รับของสินค้าคงเหลือประมาณ 1,500 ล้านบาท ขณะที่ใน 1Q2567 มีกําไรประมาณ 2,600 ล้านบาท นอกจากนี้ ธุรกิจปิ โตรเคมีมีผลการดําเนินงานลดลงโดยหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของ กลุ่มอะโรเมติกส์ที่ปรับตัวลดลง อีกทั้งกลุ่มธุรกิจสํารวจและผลิตปิ โตรเลียมมีผลการดําเนินงานลดลงจาก ราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง และค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดําเนินงานลดลงเช่นกัน โดยหลักจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ มีกําไรขั้นต้นลดลงจากต้นทุนขายที่เพิ่ มขึ้นอย่าง มากจากผลกระทบของการเริ่มคํานวณต้นทุนราคาก๊าซฯ ด้วยนโยบาย Single Pool ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 เป็นต้นมา

แม้ว่าปริมาณขายรวมปรับเพิ่มขึ้น ตามกล่าวข้างต้น ประกอบกับผลการดําเนินงานของบริษัทย่อยในกลุ่มธุรกิจก๊าซฯ ปรับลดลง โดยหลักจากบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จํากัด (PTTLNG) เนื่องจากมีการลด สัดส่วนการถือหุ้นในโครงการ LNG Receiving Terminal แห่งที่ 2 (LMPT2) เป็ นร้อยละ 50.0 เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2567

ทั้งนี้ ผลการดําเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568เปรียบเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2567 ใน 1Q2568 ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจํานวน 700,223 ล้านบาท ลดลงจํานวน 24,150 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.3 จาก ในไตรมาส 4 ปี 2567(4Q2567) ที่จํานวน 724,373ล้านบาท โดยหลักจากรายได้ ของกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น กลุ่มธุรกิจสํารวจและผลิตปิโตรเลียม กลุ่มธุรกิจนํ้ามันและการค้าปลีก

และกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่ลดลงตามปริมาณขายที่ลดลง ใน 1Q2568 ปตท. และบริษัทย่อยมีกําไรจากการดําเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA)จํานวน 93,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 236 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.3 จากใน 4Q2567 ที่จํานวน 93,291 ล้านบาท โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจปิ โตรเคมีและการกลั่น

ขณะที่ ฐานะการเงินของ ปตท. และบริษัทย่อย ณ 31 มีนาคม 2568 ปตท. และบริษัทย่อย ณ วันที่31 มีนาคม 2568 มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้นจํานวน 3,450,293 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจํานวน 11,509 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.3 จาก ณ วันที่31ธันวาคม 2567 ที่จํานวน 3,438,784ล้านบาท โดยหลักจากเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นเพิ่มขึ้นจากกระแสเงินสดจากการดําเนินงานของ ปตท. และ บริษัทในกลุ่ม ขณะที่ ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ลดลง

โดยหลักจากโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) ของบริษัท ไทยออยล์ จํากัด (มหาชน) (TOP) เนื่องจากมีการนําเงินหลักประกัน EPC Contract ที่เคลมได้มาหักจากมูลค่างานระหว่างก่อสร้าง ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มี.ค. 2568 มีหนี้สินรวมทั้งสิ้นจํานวน 1,772,443ล้านบาท ลดลง 9,464ล้านบาท หรือร้อยละ 0.5 จาก ณ วันที่ 31ธ.ค. 2567 ที่จํานวน 1,781,907 ล้านบาท จากหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยลดลง

โดยหลักจากการชําระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาว แม้ว่า ภาษีเงินได้ค้างจ่ายและเงินปันผลค้างจ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 มี.ค. 2568 มีจํานวน 1,677,850ล้านบาท เพิ่ มขึ้นจํานวน 20,973ล้านบาท หรือร้อยละ 1.3 จาก ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2567 ที่จํานวน 1,656,877ล้านบาท จากกําไรสุทธิของ ปตท. และบริษัทย่อยสําหรับ 1Q2568 สุทธิกับการลดลงจากหุ้นทุน ซื้อคืนของ ปตท.