“บางกอกเคเบิ้ล” ผุด ‘ห้องทดสอบสายไฟแรงดันสูงพิเศษ’ เทคโนโลยีสุดล้ำเจ้าแรกในไทย

นายพงศภัค นครศรี

“บางกอกเคเบิ้ล” ผุดเทคโนโลยีสุดล้ำรายแรกในไทย ‘ห้องปฏิบัติการสายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ’ ทดสอบสายไฟ 230 kV จำลองการใช้งานไฟฟ้าระดับ 700 kV-6,000 A หนุนขับเคลื่อนโรงงาน Smart Factory 4.0

นายพงศภัค นครศรี ประธานเจ้าหน้าที่สายงานขายและการตลาด บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด หรือ Bangkok Cable (BCC) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน บางกอกเคเบิ้ล มีพนักงานกว่า 1,250 คน มีโรงงานผลิตสายไฟทั้งสิ้น 3 แห่ง ได้แก่ โรงงานสมุทรปราการ โรงงานฉะเชิงเทรา และ Operation and Innovation Center ซึ่งถือเป็นโรงงานแห่งที่ 3 ตั้งอยู่ในพื้นที่โรงงานฉะเชิงเทรา รวมพื้นที่โรงงานฉะเชิงเทราทั้งหมดกว่า 251 ไร่ มีกำลังการผลิตสายไฟกว่า 60,000 ตันต่อปี ครอบคลุมผลิตภัณฑ์มากกว่า 80 ชนิด รวมถึงมีโซลูชั่นปรับแต่งเฉพาะตามความต้องการ นับเป็นพอร์ตฟอลิโอที่กว้างที่สุดในประเทศไทย รองรับความต้องการทุกกลุ่มลูกค้าถึง 7 กลุ่มการใช้งาน

“นับจากช่วงสิ้นปี 2565 หรือช่วงปลายเหตุการณ์ COVID-19 กำลังการผลิตรวมของเราเติบโตขึ้นมากกว่า 30% ต่อปี และครองตำแหน่งผู้ผลิตสายไฟรายใหญ่ที่มีกำลังการผลิตสูงที่สุดในประเทศ โดยในปี 2567 เราส่งมอบสายไฟไปทั้งสิ้นกว่า 50,000 ตัน หรือคิดเป็นความยาวสายไฟรวมกว่า 400,000 กิโลเมตร สะท้อนถึงการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่และอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง” พงศภัคระบุ

โรงงานที่ฉะเชิงเทรา ถือเป็นโรงงานผลิตหลักที่มีกระบวนการผลิตครอบคลุมทุกขั้นตอน มีคุณภาพและมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยกว่าจะมาเป็นสายไฟที่ใช้ในพื้นที่ต่าง ๆ ต้องผ่านกระบวนการผลิตหลัก ๆ ถึง 7 ขั้นตอน ได้แก่ 1.การคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสูง (Raw Materials Selection) 2.การหลอมโลหะ (Copper & Aluminium Rod Production)

3.การตีเกลียว (Standing Process) 4.การหุ้มฉนวน (Insulation Process) 5.การรวมแกน (Multicore Assembly) 6.การเสริมความแข็งแรงและความปลอดภัย (Protection Enhancements) 7.การหุ้มเปลือกนอกและพิมพ์แบรนด์ (Sheathing & Label) ทั้ง 7 ขั้นตอนล้วนผ่านความใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การเลือกนำเข้าทองแดงจากแหล่งผลิตทองแดงของโลกอย่างออสเตรเลียและชิลี เป็นต้น จนถึงการตรวจสอบสายไฟคุณภาพทุกเส้นอย่างเข้มงวด

พงศภัคย้ำว่า บางกอกเคเบิ้ลถือเป็นผู้นำและผู้บุกเบิกในหลาย ๆ ด้านที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน อาทิ การเป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งห้องปฏิบัติการทดสอบสายไฟภายใต้สภาวะเผาไหม้ (Fire Testing Lab) แห่งแรกของประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 ซึ่งได้รับการรับรองตามมาตรฐาน มอก. 17025 (ISO/IEC 17025) ถือเป็นก้าวสำคัญในฐานะผู้บุกเบิกมาตรฐานการทดสอบและรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์สายไฟในอุตสาหกรรมไทย พร้อมยกระดับสู่มาตรฐานสากล

ADVERTISMENT

ล่าสุด บริษัทยังได้จัดตั้งห้องปฏิบัติการสายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ (Extra High Voltage Lab) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทดสอบสายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ 230 kV ซึ่งเป็นสายไฟที่ใช้กับโครงสร้างพื้นฐานและเมกะโปรเจ็กต์ต่าง ๆ

“ห้องปฏิบัติการนี้ สามารถจำลองการใช้งานไฟฟ้าระดับ 700 kV และกระแสสูงถึง 6,000 A ได้ เพื่อให้มั่นใจว่าสายไฟที่ผลิตออกไป มีความแม่นยำและปลอดภัยตามมาตรฐานวิศวกรรม โดยเราคือผู้ผลิตคนไทยแห่งเดียวของประเทศที่มีห้องปฎิบัติการทดสอบนี้ และเรายังคงผลักดันเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ในกระบวนการทำงานภายในโรงงานของเราอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนโรงงานของเราสู่ Smart Factory 4.0” พงศภัคระบุ

พงศภัคเล่าเพิ่มเติมว่า ความใส่ใจในคุณภาพ ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในโรงงานหรือห้องแล็บ แต่ฝังอยู่ในวัฒนธรรมขององค์กร ที่ให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงาน การพัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล และการออกแบบสายไฟให้ตอบโจทย์การใช้งานจริง ทั้งในบ้านพักอาศัย โรงงาน อาคารสูง ไปจนถึงโครงการระดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

ที่สำคัญ บริษัทยังใส่ใจเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นผู้บุกเบิกรายแรก ๆ ในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดด้วยการก่อตั้งบริษัท บางกอก โซลาร์ พาวเวอร์ จำกัด บริษัทในเครือ เพื่อบุกเบิกและพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดของประเทศ

โดยได้ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกของประเทศไทย ภายในพื้นที่โรงงานฉะเชิงเทรา ในปี พ.ศ. 2549 และปัจจุบันได้ขยายการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ภายในพื้นที่โรงงานจนมีปริมาณโซลาร์ที่ครอบคลุมกว่า 50% ของกำลังการผลิตของทั้ง 3 โรงงาน ซึ่งตอบโจทย์บริษัทที่เดินหน้า “เซฟคน เซฟเมือง เซฟสิ่งแวดล้อม” และสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของบริษัทในการเชื่อมโยงประเทศไทยไปสู่อนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย

ปัจจุบันบางกอกเคเบิ้ลมีสายไฟครอบคลุมทั้งสายไฟฟ้าแรงดันต่ำ สายไฟฟ้าแรงดันปานกลาง สายไฟฟ้าแรงดันสูง สายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ สายเปลือย สายโซลาร์เซลล์ สายคอนโทรลและสายสัญญาณ นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์สายทนไฟ ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการใช้งานที่เน้นความปลอดภัยและรองรับมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล

ในวันที่ประเทศไทยเดินหน้าเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานสะอาด พลังงานทางเลือก และการเติบโตของเมืองอัจฉริยะ “สายไฟ” จะยิ่งมีบทบาทสำคัญมากขึ้น และบางกอกเคเบิ้ลกำลังยืนยันว่า พวกเขาพร้อมเป็นเส้นเลือดสำคัญของระบบพลังงานไทย ที่ไม่เพียงเชื่อมต่อพลังงานเท่านั้น แต่เชื่อมต่อความเชื่อมั่น ความปลอดภัย และอนาคตที่ยั่งยืนของผู้คนทั่วประเทศ

สำหรับบริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด หรือ Bangkok Cable (BCC) เป็นผู้นำด้านการผลิตและพัฒนาสายไฟฟ้าและสายเคเบิลชั้นนำของประเทศไทย ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2507 ให้บริการครอบคลุม 7 กลุ่มการใช้งาน ได้แก่ 1.ระบบผลิตและส่งพลังงานไฟฟ้า (Transmission) 2.ระบบจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า (Distribution) 3.ระบบไฟฟ้าภายในบ้านพักและอาคาร (Construction and Building) 4.ระบบขนส่งและคมนาคม (Transportation and Mobility)

5.ระบบไฟฟ้าในโรงงาน และภาคอุตสาหกรรม (Industrial) 6.พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) และ 7.ระบบไฟฟ้าในรถยนต์ (Automotive) เพื่อสร้างความปลอดภัยและขับเคลื่อนเมืองสู่อนาคต ปัจจุบันมีลูกค้าโครงการขนาดใหญ่ของทั้งภาครัฐและเอกชนจำนวนมากที่ใช้สายไฟฟ้าของบางกอกเคเบิ้ล อาทิ โครงการวัน แบงค็อก (One Bangkok) สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 โครงการสายไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้าสายสีชมพู โครงการรถไฟทางคู่สายตะวันออก และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำ เขื่อนอุบลรัตน์ นอกจากนี้ บริษัท มีส่วนสนับสนุนโครงการ ASEAN Power Grid โดยเฉพาะโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบาง (Luang Prabang Hydropower Project)