
BGRIM จับมือ Digital Edge เปิดตัวโครงการเรือธงศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ไฮเปอร์สเกล และ AI ในไทย ขนาด 100 เมกะวัตต์ มูลค่า 24,520 ล้านบาท ในเขต EEC หนุนขึ้น AI – CLOUD HUB ในอาเซียน จ่อจ่ายไฟเฟสแรกปี 2571
นายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจในประเทศไทยและโซลูชั่นธุรกิจอุตสาหกรรม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความร่วมมือภายใต้ Digital Edge B.Grimm (TH) Holding Pte. Ltd, ในครั้งนี้มีแผนการลงทุนมูลค่าโครงการ 24,520 ล้านบาท โดยจะเริ่มด้วยโครงการเรือธงขนาด 100 เมกะวัตต์ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับผู้ให้บริการ AI และคลาวด์ที่ต้องการขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายนพเดชกล่าวต่อไปว่า ตลาดโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทยกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีการบริโภคข้อมูล การใช้บริการคลาวด์ และการประมวลผล AI /แมชชีนเลิร์นนิ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายงานอุตสาหกรรมล่าสุดคาดการณ์ว่าตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ของไทยจะเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 25% ต่อปีจนถึงปี 2573 ขณะที่ความต้องการด้าน AI จะเป็นตัวเร่งสำคัญในการผลักดันความต้องการศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ที่สามารถขยายตัวได้และมีประสิทธิภาพด้านพลังงาน รัฐบาลไทยได้ให้การสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์การลงทุนกว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ เพื่อผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางดิจิทัลในภูมิภาค
สำหรับโครงการ 100 เมกะวัตต์ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะนำเสนอการให้บริการโคโลเคชั่นความหนาแน่นสูง การเชื่อมต่อระหว่างศูนย์ และโซลูชั่นคลาวด์แบบผสมผสาน เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มไฮเปอร์สเกล กลุ่ม AI และองค์กรที่ต้องการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล โดยมีแผนเร่งก่อสร้างเพื่อรองรับความต้องการของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ต้องการขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตั้งเป้าเปิดให้บริการภายในไตรมาส 4 ปี 2569
ในการดำเนินงานของโครงการแบ่งออกเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกขนาด 48 เมกะวัตต์ จำนวน 2 โครงการ คาดว่าจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ช่วงปลายปี 2569 ส่วนเฟสที่สองอีก 48 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ช่วงปี 2571 และจะสามารถรับรู้รายได้ในปี 2572 ส่วนมูลค่าการลงทุนเบื้องต้น 24,520 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีเงินลงทุนในส่วนระบบภายในจากไฮเปอร์สเกลเลอร์ เช่น แรม (RAM) เทคโนโลยีอีกประมาณ 20,000 ล้านบาท
ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ได้มีการวางแผนเจรจาหารือร่วมกับภาครัฐเพื่อให้เกิดความพร้อมการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชนเพื่อพยายามให้เกิด third party access ขึ้นมา รวมถึง direct ppa ที่ดึงพลังงานนอก grid ให้เข้ามาสู่ใน grid มากขึ้น
ด้านนายจอห์น ฟรีแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ดิจิทัล เอดจ์ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดดิจิทัลที่มีศักยภาพสูงสุดในเอเชีย เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ บี.กริม เพาเวอร์ ในโครงการสำคัญนี้ เรากำลังนำโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดมาสู่ไทย ในขนาดไฮเปอร์สเกลและความเร็วที่เร่งรัด ซึ่งจะช่วยรองรับความต้องการด้าน AI และแมชชีนเลิร์นนิ่งที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของไทย
สำหรับดิจิทัล เอดจ์ เป็นที่รู้จักในฐานะแพลตฟอร์มดาต้าเซ็นเตอร์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพด้านพลังงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ที่เปิดดำเนินการและอยู่ระหว่างก่อสร้างรวม 24 แห่ง ครอบคลุม 9 ประเทศ และมีกำลังไฟฟ้าสำรองกว่า 1.1 กิกะวัตต์ การเข้ามาลงทุนในไทยครั้งนี้ตอกย้ำพันธกิจในการลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลและการผลักดัน AI ในตลาดเกิดใหม่ของเอเชีย
ซึ่งการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ของดิจิทัล เอดจ์ที่ลงทุนมากที่สุดอยู่ในมุมไบ อินเดีย รองลงมาอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ มีทั้งเปิดดำเนินการแล้วและพัฒนาเพิ่มเติม ส่วนไทยได้ร่วมมือกับ BGRIM ในโครงการขนาด 96 เมกะวัตต์ นับเป็นโครงการใหญ่อันดับ 3 ของดิจิทัล เอดจ์
นายจอห์น กล่าวต่อไปว่า คุณภาพโครงสร้างพื้นฐานในไทยมีความน่าเชื่อถือ โดดเด่น โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน การส่งมอบพลังงาน ควบคู่ไปกับด้านอื่นๆ เช่น น้ำ สาธารณูปโภค, fiber optic 5g ซึ่งดาต้าเซ็นเตอร์นั้นต้องการเถียรภาพอย่สงมาก นับเป็นโจทย์สำคัญ ฃเพื่อรองรับการใช้บริการและการลงทุนในประเทศไทยและพัฒนาได้ในระยะยาว
“ความร่วมมือดังกล่าวต้องขอขอบคุณหน่วยงานภาครัฐที่เป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนและผลักดันให้เกิดโครงการนี้ได้ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคนี้ รัฐบาลไทยมีความพร้อมและมีความโดดเด่นในการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนด้านเทคโนโลยี ดาต้าเซ็นเตอร์ นับเป็นเกียรติสำหรับนักลงทุนต่างชาติเป็นมาก” นายจอห์นกล่าว