หัตถกรรมไทยบุกฝรั่งเศส หาช่องส่งออกหนีพิษทรัมป์

หัตถกรรมไทย

SACIT ขนทัพดีไซเนอร์-ช่างศิลป์ไทย ร่วมงาน “Tout a fait Thai” ฉลองเชื่อมสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส หวังสร้างโอกาสนำศิลปหัตถกรรมไทยสู่เวทีโลก ผ่านเมืองแฟชั่น ผลักดันส่งออกกว่า 3 แสนล้าน เปิดตลาดใหม่หนีผลกระทบทรัมป์

ผศ.ดร.อนุชา ทีรคานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT เปิดเผยว่า ในปี 2568 SACIT พร้อมเดินหน้าส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทยในทุกมิติ ด้วยนโยบาย สืบสาน สร้างสรรค์ ส่งเสริม เพื่อยกระดับผลงานให้สู่ระดับสากลส่งออกตลาดได้ ล่าสุดเฉลิมฉลองครบรอบ 340 ปี ของการติดต่อครั้งแรกระหว่างสยามกับฝรั่งเศส และครบรอบ 170 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับฝรั่งเศส SACIT ได้เพิ่มศักยภาพและบทบาทสำคัญของครูช่างโชว์ผลงานเอกลักษณ์ทางศิลปวัฒนธรรมไทยสู่สายตาโลก

เป็นการผลักดันให้งานหัตถศิลป์ไทยเป็นที่รู้จัก สามารถจำหน่ายได้ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับงานหัตถศิลป์ พร้อมเชื่อมโยงโอกาสทางการค้าในงานหัตถกรรมไทยผ่านการสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศครั้งนี้ด้วย โดยเป้าหมายหลักของ SACIT ต้องการที่จะมุ่งเน้นการขับเคลื่อนประเทศไทยให้สามารถต่อยอดไปสู่การเป็นศูนย์กลางของงานศิลปหัตถกรรมแห่งภูมิภาคอาเซียนที่จะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างยั่งยืนได้ต่อไปในอนาคต

ผศ.ดร.อนุชากล่าวว่า การมีส่วนร่วมในงาน Tout a fait Thai ครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของประเทศไทยที่ได้ผสานงานศิลปหัตถกรรมไทยเชื่อมโยงสู่ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านแฟชั่นและงานหัตถศิลป์ รวมถึงยังเป็นที่ขนานนามให้เป็นศูนย์กลางแฟชั่นโลก ซึ่งมีอิทธิพลต่อการกำหนดทิศทางและเทรนด์ต่าง ๆ ที่กว้างขวาง โดย SACIT ได้ถือโอกาสนี้เป็นการเปิดประตูสู่ตลาดยุโรปให้แก่ผลิตภัณฑ์งานคราฟต์ไทยสู่ตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้ SACIT ยังได้เตรียมพร้อมความร่วมมือในการเข้าร่วมกิจกรรมความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ฝรั่งเศส ซึ่งจะมีการเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งในปี 2569 ด้วย

จากข้อมูล SACIT ระบุ ปี 2568 SACIT ยังได้ศึกษาโอกาสการเข้าถึงช่องทางตลาดต่างประเทศเชิงรุก โดยมีตลาดเป้าหมายเป็นกลุ่มประเทศศักยภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง อาทิ ซาอุดีอาระเบีย บาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเยเมน โดยตลาดส่งออกหลักคือ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และตลาดที่ส่งออกมากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา ขณะที่สินค้าที่ส่งออกมากที่สุด เช่น เครื่องประดับแท้ทำด้วยทองและเงิน เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เครื่องใช้สำหรับเดินทาง เสื้อผ้าสำเร็จรูปทำจากฝ้าย

สำหรับมูลค่าการส่งออกศิลปหัตถกรรมไทยในปี 2568 ยังคงเชื่อว่าเติบโตได้เทียบเท่าปีที่ผ่านมา ซึ่งปี 2567 การส่งออกผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยมูลค่าส่งออกรวม 379,198.64 ล้านบาท ขยายตัว 11.34% กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด คือเครื่องเงิน เครื่องทอง

นายกิตติกร กาญจนคูหา ผู้จัดการฝ่ายส่งออก หจก.ชวนหลงเซรามิค เครื่องปั้นดินเผา (ม้า เซรามิค) จากเตาชวนหลง จังหวัดลำพูน กล่าวว่า สินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าเซรามิก เครื่องปั้นดินเผา ตลาดส่งออกหลัก 80% อยู่ที่ตลาดสหรัฐ และ 20% กระจายไปในยุโรป เอเชีย และขายภายในประเทศ แต่ต้องยอมรับว่าจากปัญหาในปัจจุบันมีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเซรามิกค่อนข้างมาก โดยเฉพาะตลาดสหรัฐ จากล่าสุดที่มีนโยบายในเรื่องของการเก็บอัตราภาษีนำเข้าสินค้า โดยประเทศไทยถูกเก็บภาษีอยู่ที่ 36% ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ระหว่างขยายเวลาออกไป 90 วัน

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ มีผลทำให้ปัจจุบันผู้นำเข้าที่ตลาดสหรัฐเข้ามาเจรจาต่อรองเรื่องของราคาสินค้า เบื้องต้นได้มีการพูดคุยในการลดราคาสินค้า ซึ่งเป็นปัจจัยที่เราจำเป็นจะต้องมีการพิจารณาและพูดคุย โดยคาดหวังให้หน่วยงานภาครัฐเร่งเดินหน้าเจรจาการค้า เพื่อสร้างโอกาสให้สินค้า โดยเฉพาะอุตสาหกรรมศิลปหัตถกรรมของไทย

“สำหรับสินค้าส่วนใหญ่ที่เรามีการผลิตออกมา จะเป็นสินค้าที่ไม่เหมือนใคร และการส่งออกต่อชิ้นมากถึง 300-400 ชิ้นต่อ 1 แบบ คู่แข่งส่วนใหญ่คือจีนและเวียดนาม อย่างไรก็ดี เพื่อยังคงให้สินค้าของเราเติบโตไปได้ อาจจะต้องมีการหาตลาดใหม่เพิ่มเติม เช่น ยุโรป ตะวันออกกลาง ซึ่งก็เป็นตลาดที่น่าสนใจ”