‘ศรีตรัง’ จับจังหวะลงทุน ตอกย้ำยางไทยยืนหนึ่งในตลาดโลก

วีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหาร ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี
วีรสิทธิ์ สินเจริญกุล
สัมภาษณ์พิเศษ

อุตสาหกรรมยางพาราของไทยถือว่าเป็นผู้ผลิตอันดับ 1 ของโลกที่มีการผลิตมากที่สุด รวมไปถึงภาคการส่งออกก็ยังเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่ต้องยอมรับว่าปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจ รวมถึงกฎเกณฑ์ข้อบังคับหลายเรื่องเป็นอุปสรรคต่อการค้าการส่งออก ถึงกระนั้นอุตสาหกรรมยางพาราของไทยยังมีศักยภาพและจุดแข็งในการแข่งขันในตลาดโลก

ล่าสุด “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ถึงภาพรวมอุตสาหกรรมยางพาราไทย ทิศทางการแข่งขัน และการส่งออก รวมถึงแนวทางการพัฒนา เพื่อรับมือกับการแข่งขันในตลาดโลก

ยางไทยคุณภาพดีราคาสูง

ปริมาณผลผลิตยางพาราธรรมชาติในตลาดโลก ส่วนใหญ่จะมาจากไทย อินโดนีเซีย ไอวอรีโคสต์ ซึ่งแนวโน้มพบว่าไอวอรีโคสต์จะมีผลผลิตเพิ่มขึ้น 100% ขณะที่อินโดนีเซียปรับลดพื้นที่ปลูกยางพารา 50-60% เพื่อหันไปปลูกปาล์มน้ำมันมากขึ้น ส่วนไทยยังถือเป็นผู้ผลิตยางพาราธรรมชาติอันดับหนึ่งในตลาดโลก ซึ่งต้องยอมรับว่าผู้เล่นรายใหม่ในอุตสาหกรรมยางพารายังคงน้อยอยู่ ดังนั้น ในปีนี้และอนาคตเชื่อว่าผลผลิตยังมีการเติบโต แต่อยู่ในวงจำกัด ส่วนความต้องการสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยางยังค่อนข้างปกติ และแนวโน้มค่อนข้างดี

ส่วนประเทศไทยคาดว่ามีผลผลิตยางพาราธรรมชาติในปี 2568 มากกว่าปีที่แล้ว คุณภาพก็ยังถือว่าดีกว่าหลายประเทศ ขณะที่ด้านราคายางธรรมชาติของไทยก็สูง ทำให้แนวโน้มการนำเข้ายางพาราของผู้นำเข้ามีแนวโน้มกระจายคำสั่งซื้อเฉลี่ยจากหลายประเทศ เพราะราคาถูกกว่า แต่ทั้งนี้ ผู้นำเข้าก็ยังคงนำเข้ายางพาราจากไทย เพราะมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐาน

“ปัจจัยปัญหาด้านเศรษฐกิจมีผลต่อคำสั่งซื้อ ส่งผลให้ลูกค้าจีน ยุโรป กระจายการสั่งซื้อยางพาราธรรมชาติจากอินโดนีเซีย ไอวอรีโคสต์ หากดูตัวอย่างราคา เช่น ยางก้อนถ้วยของไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 50 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ไอวอรีโคสต์ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 20 บาทต่อกิโลกรัม”

รอผลภาษีทรัมป์ 2.0 ต้น ก.ค.นี้

มาตรการการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐ หรือทรัมป์ 2.0 แม้ว่าสินค้ายางพาราธรรมชาติจะไม่ได้รับผลกระทบด้านภาษีโดยตรง เพราะไม่ได้ส่งออกไปยังสหรัฐ แต่ยางพาราธรรมชาติส่งออกไปหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศผู้ผลิตยางล้อ ซึ่งมีการส่งออกไปในตลาดสหรัฐ ทำให้ได้รับผลกระทบด้วย

ดังนั้น ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยในภาพรวมของปริมาณผลผลิตและความต้องการสินค้าในตลาดโลกขณะนี้ยังปกติอยู่ ไม่ได้มีผลกระทบต่อราคาหรือการส่งออก ซึ่งต้องรอความชัดเจนหลังยืดระยะเวลาภาษี 90 วัน ซึ่งจะครบกำหนดต้นเดือนกรกฎาคม 2568 นี้

ADVERTISMENT

อีกทั้งจับตาผลการเจรจาต่อรองเรื่องอัตราภาษีนำเข้าที่ไทยจะได้รับ ว่ามีอัตราสูงกว่าคู่แข่งในตลาดโลกหรือไม่ เพราะจะมีผลต่อศักยภาพการแข่งขันของไทย ส่วนมาตรการหรือกฎระเบียบที่มีผลต่อการแข่งขันยางพาราของไทยก็ยังติดตามอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นมาตรการ EUDR ที่กำลังจะมีการบังคับใช้ เป็นต้น

มั่นใจส่งออกดี

สำหรับศรีตรังถือว่าเป็นผู้เล่นที่สำคัญที่แข่งขันในตลาดโลก ซึ่งปัจจุบันส่งออกยางพาราธรรมชาติไปในตลาดโลก มีส่วนแบ่งตลาด 11% โดยเราดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ การส่งออกในปีนี้ยังเชื่อมั่นว่ามีการเติบโต โดยตลาดหลักที่บริษัทส่งออก เช่น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย เป็นต้น มั่นใจว่าปริมาณการส่งออกในปีนี้จะมีการเติบโตเมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ บริษัทยังวางงบฯ การลงทุนไว้ในปีนี้อยู่ที่ 3,000-3,500 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน ติดตั้งโซลาร์เซลล์ การยกระดับการผลิต โดยเฉพาะในโรงงานผลิตยางธรรมชาติและโรงงานถุงมือยาง

ทั้งนี้ เรามีเป้าหมายการเติบโตหรือเทียบเท่าจากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องของปริมาณ ส่วนมูลค่าการค้าต้องยอมรับว่าอาจจะยังไม่สามารถประเมินได้ในตอนนี้ เนื่องจากมีผลมาจากสถานการณ์ราคายางพาราเข้ามาเกี่ยวข้อง และจากสภาวะสถานการณ์เศรษฐกิจโลกหรือปัจจัยที่เกี่ยวข้อง คำสั่งซื้อของบริษัทในปัจจุบันยังมีเข้ามาเป็นปกติ ลูกค้าที่ผลิตยางล้อยังคงมีการนำเข้ายางพาราธรรมชาติ เพื่อนำไปผลิตเพื่อการส่งออก และจากการขยายระยะเวลาของทรัมป์ 2.0 ก็ยิ่งมีผลทำให้คู่ค้าของบริษัทมีการนำเข้าเพื่อเร่งผลิตส่งออกไปต่างประเทศมากขึ้น ก่อนที่จะมีการปรับอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐ

ลุยขยายโรงงาน

ปัจจุบันศรีตรังมีพื้นที่ที่ปลูกสวนยางพาราอยู่ทั้งสิ้น 50,000 ไร่ ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา โดยพื้นที่ทั้งหมดไม่ได้เป็นพื้นที่ปลูกยางเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงพื้นที่ของอาคาร การผลิต โรงงาน บ่อน้ำ โกดังเก็บของ เป็นต้น โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของบริษัทอยู่ที่ภาคเหนือ ส่วนโรงงานผลิตยางพาราของเราอยู่กระจายไปในทั่วประเทศ รวมไปถึงต่างประเทศด้วย ปัจจุบันเรามีทั้งสิ้น 40 โรงงาน ใน 4 ประเทศคือ ไทย อินโดนีเซีย เมียนมา และไอวอรีโคสต์ นอกจากนี้ ยังมีแนวทางที่จะขยายโรงงานออกไปอีก ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาหาข้อมูลและความเป็นไปได้อยู่

“การที่เรามองภาคเหนือเป็นพื้นที่ปลูกยางพารา เนื่องจากเราต้องการพื้นที่ใหม่ เพราะทางภาคใต้มีเยอะ การปลูกยางพาราก็ถือว่าเป็นธุรกิจใหม่ของเรา โดยธุรกิจหลักของเราคือโรงงานผลิตยางพารา”

ถุงมือยางส่งออกสหรัฐแข่งจีน

ส่วนการผลิตถุงมือของบริษัทนั้น มีหลากหลายรูปแบบ เพื่อรองรับต่อความต้องการของตลาด นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนถุงมือยางของบริษัท แบ่งเป็นขายในประเทศ 10% และส่งออก 90% โดยเราส่งออกไปทั่วโลก และสหรัฐถือว่าเป็นตลาดสำคัญในการส่งออกถุงมือยาง โดยเราเสียภาษีนำเข้าอยู่ที่ 10% และคู่แข่งของตลาดถุงมือยางของเราคือจีน มาเลเซีย และผู้ประกอบการภายในประเทศของไทยเอง

ส่วนปัจจัยมาตรการภาษีของสหรัฐก็ยังเป็นปัจจัยที่เราติดตามอย่างใกล้ชิด โดยสถานการณ์การค้าและการส่งออกของเรายังอยู่ในภาวะปกติ โดยยังมั่นใจว่าการส่งออกถุงมือยางของเรายังคงเติบโตเทียบเท่าจากปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี จากมาตรฐานของบริษัทที่ได้รับการยอมรับจากมาตรฐานระดับโลก เชื่อมั่นว่าการค้าการส่งออกของศรีตรังยังมีโอกาสขยายตัวและมีการเติบโต ส่วนปัจจัยที่มีผลกระทบยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยยังมั่นใจว่าทางภาครัฐจะเดินหน้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและโอกาสให้กับผู้ส่งออกและคู่ค้าของไทยได้