
ประธานยุทธศาสตร์ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ฝาก ครม.ชุดใหม่โชว์ผลงานใน 5 เรื่องแก้เกมเศรษฐกิจไทย หวังสานต่อโครงการเดิมที่ดีอยู่แล้วคู่ไปกับงานใหม่ที่ตอบสนองสถานการณ์ปัจจุบัน
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานยุทธศาสตร์ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้มีคณะรัฐมนตรีแพทองธาร 1/1 แต่เศรษฐกิจไทยยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงหลายด้านที่กระทบต่อความเชื่อมั่นและความศรัทธาที่เกี่ยวพันถึงการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค การท่องเที่ยว และการลงทุน ทั้งปัจจัยด้านเสถียรภาพทางการเมืองและการเคลื่อนไหวของกลุ่มชุมนุม ซึ่งไม่รู้ว่าในอีก 90 วันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
อีกทั้งความไม่ชัดเจนการเก็บภาษีตอบโต้สินค้านำเข้าของสหรัฐ ว่าไทยจะเจอในอัตราเท่าใด และห่างจากประเทศคู่แข่งการค้าโลกแค่ไหน รวมถึงปัญหาค้าชายแดนไทย-กัมพูชา และการปะทะในตะวันออกกลาง จะก่อให้เกิดภาวะสุญญากาศต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการใช้จ่ายในกลุ่มที่มีกำลังซื้ออาจชะงักเป็นช่วง ๆ
“ที่ต้องจับตาจากนี้ แม้ได้ ครม.ใหม่แล้ว แต่หลายกระทรวงเป็นคนรุ่นใหม่ ก็ต้องดูการทำงานจากนี้จะเป็นอย่างไร อยากฝากถึงรัฐมนตรีใหม่ควรสานต่อโครงการดี ๆ ที่รัฐมนตรีคนเดิมเริ่มไว้และกำลังดำเนินการ ควบคู่กับการริเริ่มงานใหม่ที่ตอบสนองสถานการณ์เศรษฐกิจที่แท้จริง” นายแสงชัยกล่าว
ฝาก 5 เรื่อง 3 เดือนต้องได้
นายแสงชัยกล่าวว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศสะท้อนมาเหมือนกัน ว่าตอนนี้ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่อง ผลกระทบต่อรายได้หดตัว หรือเพิ่มในอัตราที่ไม่เท่ากับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น ภาวะเศรษฐกิจทรงไปทางทรุด ทำให้ภาวะแวดล้อมแย่ลงไปด้วย
โดยเอสเอ็มอีอยากให้ ครม.ใหม่ที่เริ่มทำงานแล้ว เร่ง 3 เครื่องยนต์ คือเร่งนโยบายประเทศมั่นคง เศรษฐกิจมั่งคั่ง และสร้างสังคมอุดมปัญญา ทุกฝ่ายต้องใช้สติมากกว่าอารมณ์ การบ้านนำการเมือง โดยประเด็นที่ต้องการให้เร่งเกิดเป็นรูปธรรมใน 3 เดือนหลัง ครม.แพทองธาร 1/1 ได้แก่
1.รัฐบาลเร่งฟื้นศรัทธาให้ประชาชนและนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ มั่นใจที่จะลงทุนและใช้จ่ายต่อเนื่อง
2.เร่งแก้ปัญหาปากท้องและเศรษฐกิจฐานราก แม้เศรษฐกิจ 2 ไตรมาสแรกปีนี้ เป็นบวกและเติบโตดีกว่าคาดการณ์ไว้ แต่จากนี้ประมาทไม่ได้ โดยเฉพาะผลกระทบจากภาษีนำเข้าที่ทรัมป์จะเคาะออกมา หากเจออัตราสูงแม้ไม่ถึง 36% ก็มีผลต่อส่งออกทั้งสิ้น หากมีภาพชุมนุมก็ห่วงกระทบต่อต่างชาติมาเที่ยวไทยและกำลังซื้อในประเทศชะลอลง ตอนนี้ตลาดหลักอย่างจีนและเกาหลีใต้ก็ยังกลับมาเที่ยวไม่เท่าเดิม
3.เร่งออกมาตรการหรือโครงการของแต่ละกระทรวง ผ่านงบประมาณประจำปี และงบฯ กระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ผ่านความเห็นชอบแล้ว 1.1 แสนล้านบาท ออกมาช่วยเหลือและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะฐานรากที่มีประสิทธิภาพและใช้อย่างเต็มร้อย ประชาสัมพันธ์ให้ ว่างบฯ ใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่เพื่อรองรับการเลือกตั้งในอนาคต เป็นอีกเรื่องที่ช่วยฟื้นฟูศรัทธาและความเชื่อมั่น ดึงการลงทุนภาคเอกชนในอนาคต
4.จากการไม่เข้าถึงแหล่งทุน และเจอต้นทุนดอกเบี้ยสูงของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีมากขึ้นและรวดเร็วมากในปีนี้ รัฐควรเร่งแก้หนี้เป็นระบบและลดเหลื่อมล้ำการเข้าถึงเงินทุน
5.เร่งทำยุทธศาสตร์รองรับวิกฤตของประเทศเป็นวาระชาติ ซึ่งตอนนี้ยังเป็นต่างคนต่างคิด