
รมว.คลัง แจงข่าวสหรัฐเก็บภาษีไทย 36% ไม่จริง ประชุมหลายหน่วยงานเตรียมยื่นข้อเสนอใหม่ให้พิจารณาก่อนเส้นตาย ยึดมั่นข้อตกลง Win-Win หวังภาคเศรษฐกิจไทยแข่งขันได้บนตลาดโลก
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันนี้ได้มีการหารือกับคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐ เพื่อหารือการปรับปรุงข้อเสนอตามที่ได้ประชุมกับผู้แทนการค้าสหรัฐ พร้อมยืนยันว่ากระแสข่าวว่าไทยจะถูกจัดเก็บอัตราภาษีที่ 18-36% ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง
ปัจจุบันทีมประเทศไทยยังไม่ได้ข้อสรุปว่าอัตราภาษีที่สหรัฐจะเรียกเก็บจากประเทศไทยนั้นจะอยู่ที่เท่าไหร่ โดยการตัดสินใจอัตราภาษีทั้งหมดนี้ ฝ่ายสหรัฐจะแจ้งผลภาษีอย่างเป็นทางการและแจ้งพร้อมกัน ขอให้รอผลอย่างเป็นทางการเท่านั้น
สำหรับข้อเรียกร้องที่ต้องการให้เปิดเผยประเด็นการพูดคุย ตนต้องเรียนอย่างตรงไปตรงมา ว่าการพูดคุยทุกวันนี้และทุกนาทีเป็นการเจรจากับทุกทีมที่เกี่ยวข้องทั้งของสหรัฐและไทย ซึ่งยังถือเป็นชั้นความลับที่เปิดเผยไม่ได้ตามข้อตกลงและมารยาทการเจรจา เพราะมีข้อเจรจาที่ยังต้องพิจารณากันอีก
แต่ยืนยันได้ว่าคณะทำงานปักธงเจรจา โดยยึดผลประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นสำคัญ ข้อตกลงจะต้อง Win-Win และยั่งยืนกับทั้งสองประเทศ ซึ่งผลลัพธ์ที่คาดหวังก็คือการทำให้ภาคเศรษฐกิจ ภาคประชาชนของประเทศไทยยังคงแข่งขันได้บนเวทีโลก
“ผมคิดว่าการที่ทางสหรัฐมาคุยกับทีมประเทศไทยเป็นสัญญาณที่ชี้ไปในทางบวก สหรัฐยังเปิดโอกาสทำงานร่วมกับเรา เพื่อหาจุดลงตัวของทั้ง 2 ประเทศ และในการประชุมวันนี้ หลังจากที่เราได้พูดคุยกับทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI) ฯลฯ
แล้ว ‘ทีมไทยแลนด์’ จะได้จัดเตรียมข้อเสนอที่ปรับใหม่กลับไปให้สหรัฐก่อนวันที่ 9 ก.ค.นี้ ซึ่งเราหวังว่าสหรัฐจะนำไปพิจารณาจัดทำอัตราภาษีที่เป็นประโยชน์กับประเทศไทย”
สำหรับการคาดการณ์เหตุการณ์หลังวันที่ 9 ก.ค. ซึ่งเป็นเส้นตายของทางสหรัฐนั้น ตนเชื่อว่าการทำงานจะยังต้องคุยกันต่อเนื่อง เพื่อได้ออกมาเป็นตัวสัญญาฉบับสุดท้าย และในหลาย ๆ ประเทศเองก็มีกระบวนการที่จะต้องอนุมัติกันภายในต่อเนื่อง
ซึ่งหวังว่าในช่วงนั้นจะได้อัตราภาษีที่เป็นประโยชน์กับประเทศไทยต่อเนื่องจนกว่าการเจรจาลงรายละเอียดจะแล้วเสร็จ แน่นอนว่าอัตราภาษีที่เราคาดหวัง คือต้องต่ำที่สุด เพื่อให้ประเทศไทยยังคงแข่งขันได้