ครม.ไฟเขียวออกพ.ร.บ.กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ช่วยประชาชนในภาวะลำบาก

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำตัวรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ซึ่งตามพ.ร.บ.ฉบับนี้ จะกำหนดให้มีกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ายเกี่ยวกับการสนับสนุนโครงการที่ให้บริการทางสังคม ผ่านหน่วยงาน มูลนิธิ และองค์กรการกุศล เพื่อช่วยเหลือประชาชนในภาวะลำบากทุกประเภท รวมถึงการจัดประชารัฐสวัสดิการ เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงิน เพิ่มศักยภาพและพัฒนาระบบคุ้มครองทางสังคมอย่างครบวงจรสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อย และเกษตรกรที่ลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ

“กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก จะเป็นกลไกในการเติมเต็มการสนับสนุนและช่วยเหลือประชาชนและผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพอย่างเหมาะสมและพอเพียง รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรงบประมาณ โดยการนำข้อมูลประชาชนที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐมาใช้ประโยชน์และช่วยเหลือแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับผู้ที่สมควรได้รับการช่วยเหลืออย่างแท้จริง”

สำหรับแหล่งเงินทุนของกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมประกอบด้วยเงินที่มาจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่รัฐจัดสรรให้ ซึ่งเบื้องต้นวงเงินที่ได้จากการเบิกจ่ายงบประมาณไม่ทันจำนวน 12,730 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในส่วนของการทำพ.ร.บ.โอนงบประมาณ เพื่อโอนเงินเข้าไปอยู่ในงบกลางรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็นนั้นจะนำมาใช้เติมไว้ในกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมวงเงิน 2,730 ล้านบาทอีก 10,000 ล้านบาท จะใช้สำหรับงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และการปฎิรูปประเทศ นอกจากนี้ กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมยังสามารถมีรายได้จากเงินบริจาคจากภาคเอกชนและประชาชน รวมถึงเงินจากองค์กรต่างประเทศ และผลประโยชน์ที่เกิดจากทรัพย์สินของกองทุนได้ด้วย

ส่วนกลไกการบริหารกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมนั้น จะตั้งคณะกรรมการกองทุนขึ้นมาประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนสำนักงบประมาณ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกิน 3 คน โดยมีผู้แทนสำนักงานปลัดกระทรวงการคลังเป็นกรรมการและเลขานุการ โดยในส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิกำหนดให้ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ด้านการเงิน เศรษฐศาสตร์ การลงทุน กฎหมาย หรือด้านอื่นที่เกี่ยวข้องกับกองทุนเพื่อสามารถให้ความเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ในการพิจารณาเรื่องต่างๆ ในการบริหารจัดการกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์