นบข.เห็นชอบขายข้าวในสต็อกรัฐเข้าอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน 1.44 ล.ตัน

นบข. เห็นชอบขายข้าวในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนปริมาณ 1.44 ล้านตัน และเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ปริมาณ 0.52 ล้านตัน พร้อมคุมเข้มการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเองกันไม่ให้รั่วไหลเข้าตลาดปกติ

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้เห็นชอบผลการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2561 ให้แก่ผู้ชนะการประมูล 17 ราย จำนวน 86 คลัง ปริมาณ 1.44 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าเสนอซื้อประมาณ 8,410.63 ล้านบาท และเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่1/2561 ให้แก่ผู้ชนะการประมูล 11 ราย จำนวน 60 คลัง ปริมาณ 0.52 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าเสนอซื้อประมาณ 1,788.16 ล้านบาท

ทั้งนี้ หลังจากที่คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐได้ออกประกาศให้ผู้สนใจยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2561 ปริมาณ 1.49 ล้านตัน เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2561 และยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 1/2561 ปริมาณ 0.54 ล้านตัน เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2561 โดยคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐและคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวได้พิจารณาผลการเสนอราคาซื้อสูงสุดของผู้ซื้อแต่ละรายประกอบกับปัจจัยๆ อื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ สถานการณ์ตลาดข้าวและตลาดวัตถุดิบสินค้าเกษตรอื่นๆ ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และได้เสนอ นบข. ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ นบข.

อย่างไรก็ดี ได้ให้ความเห็นชอบผลการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2561 ให้แก่ผู้เสนอซื้อสูงสุด จำนวน 17 ราย ใน 86 คลัง ปริมาณ 1.44 ล้านตัน (คิดเป็นร้อยละ 96.83 ของปริมาณข้าวที่เปิดประมูล) มูลค่าเสนอซื้อประมาณ 8,410.63 ล้านบาท และผลการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 1/2561 ให้แก่ผู้เสนอซื้อสูงสุด จำนวน 11 ราย ใน 60 คลัง ปริมาณ 0.52 ล้านตัน (คิดเป็นร้อยละ 95.87 ของปริมาณข้าวที่เปิดประมูล) มูลค่าเสนอซื้อประมาณ 1,788.16 ล้านบาท

จากนี้ กรมฯ ได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ชนะการประมูลเข้าทำสัญญาซื้อขายข้าวสารกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ภายใน 15 วันทำการแล้ว โดยข้าวที่ระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมทั้ง 2 กลุ่มนี้ คณะกรรมการ นบข. ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการกำกับการนำข้าวในสต็อกของรัฐไปใช้ในอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันการรั่วไหลเข้าสู่ระบบการค้าปกติ จึงกำชับให้ อคส. และ อ.ต.ก. กำหนดมาตรการและกำกับดูแลให้ผู้ซื้อนำข้าวในสต็อกของรัฐไปใช้ในอุตสาหกรรมตามหนังสือรับรองตนเองที่ยื่นไว้กับกรมการค้าต่างประเทศโดยเคร่งครัด ซึ่งหากผู้ซื้อไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขและนำข้าวไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด