“สนธิรัตน์” ขีดเส้น 2 สัปดาห์รวมตัวเลขผลกระทบด้านบวก ก่อนประเมินเป้าส่งออก 61

“สนธิรัตน์” ถกเอกชนรับมือสงครามการค้า ขีดเส้น 2 สัปดาห์รวบรวมตัวเลขผลกระทบด้านบวกนำเสนอก่อนนำมาประเมินเป้าส่งออกปี’61 ด้านนักธุรกิจสหรัฐ-จีน เล็งขยายลงทุนมาไทยหนีสงครามการค้า

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับภาคเอกชน เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมการค้าที่เกี่ยวข้อง เช่น กลุ่มอาหารแช่เยือกแข็ง กลุ่มทูน่า กลุ่มสุกร กลุ่มอาหารสำเร็จรูป ฯลฯ ว่า จากการประเมินสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยเอกชนส่วนใหญ่ทั้งกลุ่มผู้ผลิตกุ้ง หมู ประเมินว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกไทยมากกว่าผลกระทบทางลบ มีเพียงกลุ่มเดียวที่น่าห่วงคือสมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาไทย ที่เกรงว่าสงครามการค้าจะทำให้ปลาน้ำจืดทะลักเข้ามาในประเทศจำนวนมาก ก็ได้สั่งให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนกลุ่มอาหารสำเร็จรูปไม่ได้รับผลกระทบทางตรง แต่ก็ได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการที่สหรัฐขึ้นภาษีสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม โดยเกรงว่าราคาเหล็กที่ใช้ทำกระป๋องจะแพงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ได้ขอให้ภาคเอกชนในกลุ่มเหล่านี้ช่วยประเมินผลกระทบทางด้านบวกเป็นตัวเลขในเชิงมูลค่าการส่งออกของแต่ละกลุ่มที่เพิ่มขึ้นและรายงานกลับเข้ามาในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาปรับเป้าหมายการส่งออกสินค้าไทยในปี 2561 อีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดเป้าส่งออกชัดเจน แต่เชื่อว่าเติบโตสูงกว่า 8% แน่นอน และหากสงครามการค้าไม่มีผลกระทบก็อาจจะขยายตัวได้ถึงตัวเลข 2 หลัก

“ที่ยังไม่ประกาศเป้าส่งออกอย่างเป็นทางการ เพราะปีนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด เรื่องสงครามการค้ามีการออกมาตรการทางการค้าใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ ซึ่งกระทรวงฯต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่เชื่อว่าตัวเลขการส่งออกจะโตเกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ 8% แน่นอน แต่ขอดูปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องก่อน โดยในส่วนของกระทรวงฯก็อยากให้ตัวเลขขยายตัวได้มากที่สุด” นายสนธิรัตน์ กล่าว

นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ในวันที่ 3 ส.ค. 2561 กรมจะประชุมร่วมกับภาคเอกชน กลุ่มประชารัฐ D4 เพื่อประเมินผลกระทบของสงครามการค้า และสถานการณ์ส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง โดยจะนำมาประเมินร่วมกับตัวเลขที่ได้ให้ทางสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศทั่วโลก เพื่อนำมาสรุปผลร่วมกันอีกครั้งเพื่อประเมินตัวเลขการส่งออกภาพรวมทั้งปี 2561 ว่าจะมีการทบทวนเป้าหมายการส่งออกตามที่วางไว้ว่าจะขยายตัวเกินกว่า 8% ได้หรือไม่

“เรื่องสงครามการค้ายังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ขณะนี้ได้รับข่าวดีจากสคต.และผู้แทนการค้ากิตติมศักดิ์ (HTA) ว่ามีผู้ประกอบการจากทั้งของสหรัฐและจีน สนใจสอบถามการเข้ามาลงทุนประเทศไทยในกลุ่มสินค้าที่ทั้ง 2 ประเทศใช้มาตรการทางภาษีระหว่างกัน ทำให้เชื่อว่าในอนาคตจะมีการลงทุนจากทั้ง 2 ประเทศขยายเข้ามาในไทยเพิ่มมากขึ้น” นางจันทิรา กล่าว