“สมคิด” ปรับวิธีดูดนักลงทุน สั่ง 14 สำนักงานบีโอไอตปท. เกลี่ยคนให้พร้อม

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวถายหลังการประชุมมอบนโยบายการทำงานให้กับหัวหน้าสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุนของบีโอไอในต่างประเทศ ทั้ง 14 แห่ง ว่า ขณะนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญของไทยในการดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทยแบบเชิงรุก เพราะเป็นจุดเชื่อมโยงจากหลายประเทศ และยังเชื่อมต่อหรือนักลงทุนสามารถกระจายการค้าการลงทุนไปยังภูมิภาค CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ได้

จากนี้บีโอไอจึงจำเป็นต้องเพิ่มกำลังคนและเปลี่ยนวิธีการชักจูงนักลงทุนใหม่ ให้เพิ่มคนให้สำนักงานที่สำคัญอย่างจีน ญี่ปุ่น เกาหลี กำหนดบริษัทเป้าหมายเพื่อให้บีโอไอมุ่งเป้าไปยังจุดนั้น ใช้จุดเด่นจากเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ความพร้อม โครงการต่างๆที่ไทยมีและกำลังเดินหน้ามาเป็นจุดขาย จากนั้นตามด้วยโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

ขณะเดียวกันให้นำเทคโนโลยีระบบของปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ เช่น ข้อมูลการวิเคราะห์และประเมินพฤติกรรมนักลงทุนว่าเป็นอย่างไร หรือจีนเป็นอย่างไร อินเดีย พฤติกรรม ทำไมถึง ทำอย่างไรให้มาลงทุนไทย เป็นต้น

“อะไรที่บีโอไอขอแล้วจะดูให้ อย่างเรื่องคน ถ้าไม่พอขอให้บอก จากนั้นให้ไปเกลี่ยแต่ละแห่งให้พอ มาตรการไหนต้องปรับก็มาดูกัน”

และปลายเดือนส.ค.นี้ นักลงทุนจากจีนจะเดินทางมาศึกษาแนวทางลงทุนในไทย และมีกำหนดการลงพื้นที่ดูงาน EEC ด้วย จากนั้นนักลงทุนญี่ปุ่นเดินทางมาเดือนต.ค. และให้ความสนใจลงทุนด้านนวัตกรรมและสตาร์ทอัพ ส่วนฮ่องกงเตรียมเดินทางมาเดือนก.พ.2562 ซึ่งเป็นโอกาสที่บีโอไอต้องมีแผนดึงดูดนักลงทุนชัดเจนที่สามารถต่อยอดการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างยั่งยืน ทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมถึงขยายฐานไปสู่ภาคบริการด้วย

นางสาวดวงใจ อัศวจินจิตร์ เลขาธิการบีโอไอ ​กล่าวว่า ปัจจุบันบีโอไอบุคลากรทั้งสิ้น 317 คน เป็นพนักงานข้าราชการกว่า 100 คน ซึ่งล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติการเพิ่มอัตรากำลังคน 78 คนภายใน 3 ปีมาเรียบร้อยแล้ว เราจะเริ่มวิเคราะห์แต่ละสำนักงานในต่างประเทศเพื่อวางวิธีในการเกลี่ยคนว่ารูปแบบำหนเหมาะ อาจใช้คนจากส่วนกลางไปช่วยงาน 3 เดือนแบบนี้ก็ได้

สำหรับสำนักงานในต่างประเทศ ได้แก่ 1.นครนิวยอร์ก 2.นครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา 3.นครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี 4.กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส 5.กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน 6.นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย 7.กรุงโตเกียว 8.นครโอชากา ประเทศญี่ปุ่น 9.นครเซี่ยงไฮ้ 10.กรุงปักกิ่ง 11.นครกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน 12. กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ 13.เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย 14.ไทเป ไต้หวัน

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ทำให้นักลงทุนออกมาลงทุนสู่ภูมิภาค ดังนั้นบีโอไอจึงต้องปรับทัพเกลี่ยคนให้เหมาะสม เพื่อรองรับการลงทุนจากต่างชาติ ให้นักลงทุนตัดสินใจลงทุนในไทยได้