อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เผยการประกาศยุติการพิจารณาสร้างเขื่อนใหม่ใน สปป.ลาว มองว่าไม่กระทบการเข้าไปลงทุนของไทยเชื่อไทยยังมีศักยภาพสูง และ สปป.ลาวเองเชื่อยังคงเดินหน้าส่งเสริมการลงทุนด้านนี้อยู่
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีที่ทาง รัฐบาล สปป.ลาวได้มีการประกาศมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยให้ยุติการพิจารณาสร้างเขื่อนใหม่ในสปป.ลาวชั่วคราวนั้น มองว่าคงเป็นเรื่องภายในของรัฐบาลลาวว่าจะเดินต่อไปอย่างไร แต่เชื่อว่ารัฐบาล สปป.ลาว คงจะไม่หยุดการส่งเสริมการลงทุนสร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้าในสปป.ลาว เพราะเป็นนโยบายหนึ่งในการสผลักดันและส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศ อีกทั้งการผลิตและการขายไฟฟ้าให้กับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นรายได้สำคัญของสปป.ลาว แต่จะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายหลัก และสิ่งที่รัฐบาล สปป.ลาว จะให้ความสำคัญมากขึ้น คือ มาตรฐานและต้องทำอย่างระมัดระวังมากขึ้น
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ทั้งนี้ รัฐบาล สปป.ลาวมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในการสร้างเขื่อน ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสปป.ลาว โดยในปี 2563 โดยสปป.ลาวมีแผนที่จะสร้างเขื่อนให้ได้อีก 50 แห่ง ซึ่งจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอีก 2 เท่า เพื่อให้เป็นแบตเตอร์รี่ของอาเซียน
“หากรัฐบาล สปป.ลาวยังเดินนโยบายต้องการเป็นแบตเตอร์รี่ของอาเซียนอยู่ เชื่อว่านโยบายส่งเสริมการลงทุนสร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้าอยู่ ยังต้องมี แต่ต่อไปอาจจะทำอย่างระมัดระวังมากขึ้น ดังนั้นในการพิจารณาการลงทุนสร้างเขื่อนใหม่ๆ ของสปป.ลาว คงต้องมีการประเมินความเสี่ยงและพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อมและองค์ประกอบต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อฝห้ได้มาตรฐานสากล ซึ่งจะมีผลต่อต้นทุนของนักลงทุน”
ด้านนางสาวยานี ศรีมีชัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว กล่าวว่า การที่ทางรัฐบาล สปป.ลาว ชะลอพิจารณาสร้างเขื่อนทั้งโครงการเดิมๆ และโครงการใหม่ ก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะจะได้มีเวลาในการตรวจสอบมาตรฐานให้เข้มงวดด้านการลงทุน แต่อย่างไรก็ดี ยังเชื่อมั่นว่านักลงทุนไทยยังมีประสิทธิภาพและมาตรฐานในการเข้ามาลงทุนด้านไฟฟ้า และเชื่อว่าน่าจะมีผู้ประกอบการต่างชาติและไทยสนใจเข้ามาลงทุน แต่ทั้งนี้ เชื่อว่านักลงทุนไทยสามารถแข่งขันกับนักลงทุนจากประเทศอื่นๆ ได้
“ปัจจุบันการลงทุนด้านไฟฟ้าของไทยในสปป.ลาว ถือว่ายังมีสัดส่วนน้อยมาก โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 2% เมื่อเทียบกับการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ”
ทั้งนี้ มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับสปป.ลาว ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 2 เท่า โดยในปี 2560 มีมูลค่าการค้าระหว่างกันอยู่ที่ 6,170.52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการส่งออก 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้า 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.2561) อยู่ที่ 3,459.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 17.01% เป็นการส่งออก 2,164.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 11.13% และเป็นการนำเข้า 1,294.62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ