พาณิชย์เปิดตัวแอปพลิเคชั่น “Shohuayhybrid” สร้างโชวห่วยไฮบริด ยกเครื่องร้านธงฟ้าประชารัฐ

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานยกระดับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐสู่การเป็นโชวห่วยไฮบริด ว่า กระทรวงฯได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่น “Shohuayhybrid”(โชวห่วย-ไฮบริด) อย่างเป็นการ เพื่อเป็นการต่อยอดโครงการร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ที่มีทั่วประเทศ 30,000 แห่ง ให้เป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าชุมชน สินค้าโอทอป สินค้าจากผู้ผลิตในเครือ MOC Biz Club ของกระทรวงพาณิชย์ และเอสเอ็มอี ผ่านช่องทางออนไลน์ คู่ขนานกับช่องทางขายแบบดั้งเดิม(ออฟไลน์)

โดยเจ้าของร้านค้ามีโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน หรือแทปเลต และดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นShohuayhybrid เพื่อรับชุดรหัสผ่านและสามารถซื้อขายได้เลย โดยผู้ผลิตสินค้าอัพโหลดรายการสินค้าต่างๆของตนเองเข้าสู่ระบบ และร้านค้าก็จะเลือกและสั่งซื้อสินค้าจากระบบโดยตรง โดยไม่ต้องเก็บสต็อกไว้ในร้านจำนวนมาก ซึ่งช่วงแรกจะรับโทรศัพท์ที่ใช้ระบบปฎิบัติการแอนดรอยซ์เท่านั้น ส่วนระบบปฎิบัติการไอโอเอสจะมีการพัฒนาต่อไป โดยคาดว่าจะมีการซื้อจริงภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า คาดว่าโครงการนี้จะช่วยเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่าปีละ 1 พันล้านบาท จากนี้ก็จะยังมีการต่อยอดโครงการเรื่อยๆ พัฒนาระบบให้เชื่อมต่อกับระบบขนส่งโลจิสติกส์ ต่อยอดให้รับชำระค่าบริการสาธารณูปโภค และผลักดันเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ ซึ่งร้านค้าธงฟ้าประชารัฐสามารถทำหน้าที่เป็นตัวกลางจำหน่ายสินค้า และแหล่งรวบรวมสินค้าระดับท้องถิ่น โดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยในการบริหารจัดการ ลดต้นทุน และเข้าถึงลูกค้า ซึ่งมีผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ให้การสนับสนุนในการพัฒนาด้านต่างๆ

” โชวห่วยไฮบริด จะเป็นแม่แบบสร้างโชวห่วยไทยยั่งยืน แข่งขันได้กับค้าปลีกขนาดใหญ่ ซึ่ง 10 เดือนที่ผ่านมาร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ 3 หมื่นแห่งทั่วประเทศ กับการให้บริการรับบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย 11.4 ล้านคน สามารถสร้างเงินเข้าระบบเศรษฐกิจแล้ว 3.5 หมื่นล้านบาท ทั้งร้านค้าเองก็มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นหลังมีโครงการ ” นายสนธิรัตน์ กล่าว

นายสนธิรัตน์ กล่าวถึงความคืบหน้าร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ที่ขยายรูปแบบให้ใช้แอพพลิเคชั่นของธนาคารกรุงไทยผ่านโทรศัพท์มือถือเพื่อรับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือแอพพลิเคชัน “ถุงเงินประชารัฐ” จากเดิมที่ใช้จ่ายซื้อสินค้าที่มีเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (อีดีซี) เท่านั้น ว่า ขณะนี้มีผู้สมัครเข้าโครงการแล้ว 5 หมื่นราย คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ไม่เกินเดือนสิงหาคม และจะผลักดันร้านค้าทั่วไปเข้าโครงการได้ตามแผน 2 แสนรายภายในปีนี้

ทั้งนี้ ในปี 2560 ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกของไทย มีมูลค่าการซื้อขายกว่า 1.83 ล้านล้านบาท คิดเป็น 13.9% ของจีดีพี ประเทศไทย เป็นอันดับ 3 รองจากภาคบริการ 32.6% และภาคการผลิต 27.7% เกิดการจ้างงานกว่า 2.9 ล้านคน คิดเป็น 27.5% ของการจ้างงานทั้งประเทศ ซึ่งเป็นอันดับ 2 รองจากภาคบริการ คิดเป็น 44.8%