ปตท.โชว์ครึ่งปีแรกกำไรสุทธิ 69,817 ล้าน เดินหน้าร่วมประมูลไฮสปีดเชื่อม3สนามบิน

“ปตท.” เผยครึ่งปีแรกกำไรสุทธิ 69,817 ล้านบาท เดินหน้าร่วมประมูลไฮสปีดเชื่อม3สนามบิน ลงทุนสมาร์ทซิตี้/บางซื่อ เร่งสรุปพาร์ทเนอร์โรงแรมในปั้ม

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2561 ว่ามีกำไร 33,218 ล้านบาท และเมื่อรับรู้ผลกำไรของบริษัทในกลุ่มตามสัดส่วนการถือหุ้นอีก 36,599 ล้านบาท ทำให้งบการเงินรวมของ ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวม 69,817 ล้านบาท (ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 9.89) คิดเป็นกำไร 2.43 บาทต่อหุ้น

สำหรับปัจจัยสำคัญเชิงบวกและเชิงลบที่ทำให้ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2561 ของ ปตท. และบริษัทในกลุ่ม ต่ำกว่าครึ่งปีแรกของปี 2560 ได้แก่ กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 140,438 เป็น 170,870 ล้านบาท จากราคาน้ำมันดิบดูไบและราคาปิโตรเคมี ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลการดำเนินงานปกติโดยรวมดีขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Productivity Improvement) สร้างกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี 20,721 ล้านบาท ใน 1H/2561 ไม่มีรายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ (Non-recurring Items) ขณะที่ใน 1H/2560 ปตท. มี Non-recurring Items จากรายได้เงินปันผลจากกองทุนรวม EPIF 4,310 ล้านบาท และกำไรจากการขายเงินลงทุนในกองทุนรวม 990 ล้านบาท

กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ลดลงจาก 7,822 เป็น 2,276 ล้านบาท จากเงินบาทที่อ่อนค่าลง ภาษีเงินได้ เพิ่มขึ้น 14,650 ล้านบาท จาก 11,951 ล้านบาทใน 1H/2560 เป็น 26,601 ล้านบาทใน 1H/2561 โดยหลักมาจาก PTTEP ซึ่งได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐฯ

ส่วนราคาน้ำมันเฉลี่ยปีนี้ทั้งปีจะบวกลบอยู่ที่ 70 เหรียญ/บาร์เรล คาดว่าที่เหลือแนวโน้มจะไม่ผันผวน จะทรงตัวไปในระดับนี้จนถึงสิ้นปี โดยราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเพราะราคาน้ำมันดิบโลกเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบจาก3 ปีที่ผ่านมาเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับนี้

ทั้งนี้โครงการลงทุนใหม่ๆ ที่สร้างความมั่นคงให้กับประเทศจะเสนอบอร์ดในเดือน พ.ย.2561 ขณะที่แนวทางการบริหารจัดการความยั่งยืนกลุ่ม ปตท.จะยังคงใช้ตามหลัก 3P โดยให้ความสำคัญ 3 ด้านคือ People การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ชุมชน และสังคม Planet การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ Profit การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่ เทคโนโลยีและวิศวกรรม บริษัท ปตท. กล่าวว่า สำหรับแผนการลงทุนของบริษัท สำหรับโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ยังคงอยู่ระหว่างการศึกษาถึงประโยชน์ที่จะเกิด ผลตอบแทน จะลงทุนหรือไม่ จะลงทุนกับใคร จากนั้นจะสรุปถึงแผนลงทุนก่อนจะยื่นประมูลในเดือน พ.ย.

ส่วนโครงการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อที่จะลงทุนให้เป็นสมาร์ทซิตี้ด้านพลังงานจะมีความชัดเจนลงทุนปี 2562 ขณะที่ธุรกิจโรงแรมในปั้มน้ำมันยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพาร์ทเนอร์ที่ต้องเหมาะสมที่สุด และยังไม่ได้หยุดโครงการนี้ คาดว่าภายในปีนี้จะได้ข้อสรุป