เกษตรเร่งตลาดนำผลิต หนุนปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา พร้อมประสานซีพี-เบทาโกร รับซื้อผลผลิต

เกษตรเร่งตลาดนำผลิต หนุนปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา พร้อมประสานซีพี-เบทาโกร รับซื้อผลผลิต เริ่ม พ.ย.นี้ เป้าหมาย 2 ล้านไร่

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายการปรับเปลี่ยนการปลูกพืชฤดูทำนา ที่บ้านหม้อ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2561 ว่า จากนี้ต่อไปสหกรณ์การเกษตรต้องยึดเป้าหมายการทำงาน เพื่อดูแลเกษตรกร 7 ล้านครัวเรือนที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ ให้ลืมตาอ้าปาก ให้ภูมิใจในการประกอบอาชีพเกษตรกร และยืนอยู่ในสังคมได้ โดยปรับบทบาทจากการให้เงินกู้อย่างเดียว ให้เป็นหน่วยงานรวบรวมสินค้าทางการเกษตรของสมาชิก

ทั้งนี้ สหกรณ์ต้องดูแลเกษตรกรตั้งแต่การผลิตเพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ หาช่องทางการตลาดเพื่อให้ผลผลิตด้านการเกษตรขายได้ในราคาที่เป็นธรรม เป็นตัวกลางในการดูแลผลประโยชน์ให้เกษตรกร และสามารถเจรจากับภาคเอกชนในการรับซื้อขายสินค้า ทางการเกษตร

สำหรับโครงการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูกาลทำนา ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ นำร่องพื้นที่ 5,000 ไร่ มีเกษตรกรเข้าร่วมจำนวน 430 ครอบครัว คาดว่าจะได้รับผลผลิตประมาณ 7,500 ตัน กรมส่งเสริมสหกรณ์จะรับซื้อผลผลิต และประสาน บริษัท เบทาโกร จำกัด และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ มารับซื้อผลผลิตต่อจากสหกรณ์การเกษตรในพื้นที่ ส่วนราคาขั้นต่ำกำหนดรับซื้อ 5 บาท/กิโลกรัม (กก.) คาดว่าจะมีรายได้ 7,500 บาท/ไร่ เมื่อหักต้นทุนเหลือกำไรประมาณ 4,000 บาท/ไร่ ขณะที่ปลูกข้าวรายได้หลังหักต้นทุนแล้วเหลือเพียง 2,000 บาท/ไร่เท่านั้น

พื้นที่บ้านหม้อ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ เป็นพื้นที่นำร่องการสนับสนุนให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนอาชีพ กระทรวงเกษตรฯจะให้กลไกของสหกรณ์ เข้าดูแลตั้งแต่ การเพาะปลูก การไถ การพรวนดิน การเก็บเกี่ยว กรณีสมาชิกหรือเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ไม่มีเครื่องจักร สหกรณ์จะหาผู้รับจ้างมาทำงานร่วมในโครงการ เพื่อเป็นการลดต้นทุน การเข้ามารับซื้อผลผลิตสหกรณ์จะรับซื้อผลผลิตจากสมาชิก อีกทั้งยังเป็นพื้นที่นำร่องการสนับสนุนให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนอาชีพ กระทรวงเกษตรฯ จะใช้กลไกของสหกรณ์ เข้าดูแลตั้งแต่การเพาะปลูก การไถ การพรวนดิน การเก็บเกี่ยว กรณีสมาชิกหรือเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ไม่มีเครื่องจักร สหกรณ์จะหาผู้รับจ้างมาทำงานร่วมในโครงการ เพื่อเป็นการลดต้นทุน การเข้ามารับซื้อผลผลิตสหกรณ์จะรับซื้อผลผลิตจากสมาชิกแล้วกระทรวงเกษตรฯจะช่วยหาคนซื้อต่อจากสหกณ์

“โครงการจูงใจให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนอาชีพ เพื่อปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนา จะเริ่มดำเนินการ 2 พ.ย.นี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ จะเป็นพี่เลี้ยงดูแล โดยกรมชลประทานจะดูแลเรื่องระบบน้ำ เจ้าหน้าที่เกษตรตำบล เกษตรอำเภอมาดูแลเรื่องการเพาะปลูกข้าวโพด กรมส่งเสริมสหกรณ์จะดูแลเรื่องของการหาตลาดรับซื้อ นอกจากนี้จะสนับสนุน เงินทุนดอกเบี้ยต่ำเพื่อให้สมาชิกไปลงทุนรายละไม่เกิน 3,000 บาท/ไร่ โดยเป็นเงินก้อนให้สหกรณ์กู้เพื่อไปปล่อยต่อให้กับสมาชิก อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี เงินกู้ที่สหกรณ์จะได้รับจะมาจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์”

นายกฤษฎากล่าวว่า สำหรับเป้าหมายโครงการปลูกข้าวโพดหลัง คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในวันที่ 2 พ.ย.2561 จำนวน 2 ล้านไร่ ในพื้นที่เป้าหมาย โดยรัฐบาลจะช่วยเหลือในเรื่อง เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ติดต่อผู้รับซื้อ เพื่อให้ผลผลิตขายได้ในราคาที่สมเหตุสมผล และ พื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดที่เข้าร่วมโครงการจะมีการประกันภัยพืชผล