ซีพีเอฟมุ่งโตต่างประเทศ ปลื้มธุรกิจหมูดันกำไรพุ่ง

ธุรกิจกุ้ง หมู ในเวียดนาม ดันกำไรซีพีเอฟโตสนั่น “สุขสันต์” บอสใหญ่ชี้ธุรกิจในเวียดนาม ฟิลิปปินส์ ตุรกีดีขึ้น มั่นใจครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก คาดอนาคตการเติบโตจะมาจากต่างประเทศเป็นหลัก และอีก 5 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้จะมาจากกิจการในต่างประเทศ 70%

นายสุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ ประธานคณะผู้บริหารธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม และกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของซีพีเอฟในปีที่ผ่านมาจนถึงไตรมาสแรกปีนี้ ผลประกอบการไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาสุกรในประเทศเวียดนามที่ซีพีเอฟไปลงทุนเป็นปัจจัยหลัก แต่ไตรมาสที่ 2 ปีนี้ ผลประกอบการมียอดขายเติบโตขึ้น มีผลกำไรเกือบ 6,000 ล้านบาท สาเหตุที่ซีพีเอฟมีผลประกอบการที่ดี มาจากราคาสุกรในเวียดนามดีขึ้นมาก สองมาจากราคาสัตว์น้ำ จากเดิมที่เจอปัญหาโรคอีเอ็มเอส หรือโรคตายด่วนในกุ้ง ปัจจุบันแก้ไขได้แล้ว ผลประกอบการธุรกิจสัตว์น้ำจึงดีขึ้น

“เดี๋ยวนี้เวียดนามดีขึ้นผิดหูผิดตา ที่อินเดียด้วย เมื่อธุรกิจสัตว์น้ำดีขึ้น สุกรดีขึ้น ผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ผ่านมาจึงออกมาดี คาดว่าครึ่งปีหลังหรืออีก 2 ไตรมาสที่เหลือของปีนี้ น่าจะดีกว่า 2 ไตรมาสแรกที่ผ่านมา และภาพโดยรวมผลประกอบการซีพีเอฟปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา”

นายสุขสันต์กล่าวต่อว่า ยอดขายซีพีเอฟเฉลี่ยปีละประมาณ 5 แสนล้านบาท มาจากยอดขายในไทย 36% อีก 64% มาจากยอดขายของซีพีเอฟในต่างประเทศ การส่งออกจากไทยคิดเป็น 6% เท่านั้น จากการส่งออกกุ้ง ไก่ และสุกรอีกเล็กน้อย ทิศทางของซีพีเอฟในอนาคตต้องไปเติบโตที่ต่างประเทศเป็นหลัก เพราะเดี๋ยวนี้ประเทศเวียดนาม ผลประกอบการดีมาก ฟิลิปปินส์เริ่มดีขึ้น อินเดีย ซีพีเอฟไปขยายงานเพิ่มขึ้น และตุรกีที่ขาดทุนมานาน 7-8 ปี ขณะนี้ก็พลิกฟื้นดีหมด โดยภาพรวมดีขึ้น การส่งออกซีพีเอฟให้น้ำหนักทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างเวียดนามที่ไปลงทุนมา 24-25 ปี จากที่ขายในเวียดนามเป็นหลัก มีการส่งออกกุ้งบ้าง แต่ในปีหน้าโรงงานแปรรูปไก่จะสร้างเสร็จ จะมีการส่งออกไก่ไปกลุ่มประเทศเอเชีย อาจจะเริ่มที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก

“ปีที่ผ่านมาราคาสุกรในเวียดนามตกต่ำ แต่ปีนี้เริ่มดีขึ้น ตลาดในจีนก็ดีขึ้น ผมเชื่อว่าสิ้นปีนี้สัดส่วนรายได้ของซีพีเอฟจะมาจากต่างประเทศ 66-67% จากไทยที่เคยมีรายได้ 36% อาจเหลือ 33% ที่รวมส่งออกจากไทย 5% ด้วย เราจะไปขยายงานในต่างประเทศให้มากขึ้น อีก 5 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศกับในประเทศอาจเหลือ 70 ต่อ 30”


ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ผลการดำเนินงานของซีพีเอฟรวมบริษัทย่อยไตรมาส 2 ปี 2561 มียอดขาย 136,353 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของกิจการต่างประเทศร้อยละ 16 ในขณะที่ยอดขายกิจการประเทศไทยลดลงร้อยละ 5 ยอดขายของซีพีเอฟเกิดจากกิจการต่างประเทศ 16 ประเทศร้อยละ 68 กิจการในไทยร้อยละ 27 และจากการส่งออกจากไทยร้อยละ 5 ของยอดขายรวม โดยยอดขายจาก 3 ประเทศหลัก คือ ไทยร้อยละ 32 สาธารณรัฐประชาชนจีนร้อยละ 26 และเวียดนามร้อยละ 16 คิดเป็นประมาณร้อยละ 74 ของยอดขายรวม