เปิดทีโออาร์SEAโรงไฟฟ้ากระบี่ เงื่อนไขเข้มแก้ขัดแย้งหวั่นไร้ผู้ร่วมประมูล

อัดงบฯ 50 ล้านบาท จัดจ้างที่ปรึกษา SEA โรงไฟฟ้ากระบี่ เตรียมเปิดชี้แจงทีโออาร์ 14 ก.ย.นี้ ขีดเส้น 9 เดือนได้ข้อสรุปภายใน ส.ค.ปี’62 ด้าน กกพ.หวั่นไร้เงาผู้ประมูล เหตุ SEA เป็นเรื่องใหม่ ซับซ้อน ต้องสอดรับแผน PDP-ยุทธศาสตร์ชาติ

น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานร่วมคณะกรรมการกำกับการศึกษาประเมินการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) สำหรับพื้นที่จัดตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้ กล่าวว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้เปิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการประมูล (ทีโออาร์) และรับข้อเสนอโครงการการศึกษาการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) สำหรับพื้นที่จัดตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้ ด้วยกรอบวงเงินไม่เกิน 50 ล้านบาท ในวันที่ 14 กันยายน 2561 ทางกระทรวงพลังงานจะเปิดชี้แจง TOR หลังจากนั้นจะเปิดให้ผู้ที่สนใจยื่นเสนอเข้าร่วมโครงการมายังกระทรวงพลังงาน ภายใน 3 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 17 กันยายน ถึง 5 ตุลาคม 2561

โดยผู้มีสิทธิ์ยื่นต้องเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ได้แก่ หน่วยงานของรัฐ สถาบันการศึกษา และองค์กรไม่แสวงหากำไร จะสามารถพิจารณาผู้ได้รับการคัดเลือกมาศึกษาโครงการพร้อมกับทำประชาพิจารณ์รอบด้าน ในพื้นที่เป้าหมายศึกษา 15 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ยะลา ระนอง สงขลา สตูล สุราษฎร์ธานี และประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งคาดว่าจะได้ผลการศึกษาภายในเวลา 9 เดือน หรือเดือนสิงหาคม 2562 ยกเว้นพื้นที่กระบี่และเทพาที่ต้องสรุปก่อนภายในเดือนเมษายน 2562 เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

“สิ่งที่เรากังวลตอนนี้กลัวจะไม่มีผู้มายื่นด้วยซ้ำ เพราะการศึกษา SEA เป็นเรื่องใหม่ และมีความซับซ้อนมากกว่าการศึกษา EHIA โดยจะต้องประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์จะต้องศึกษาทุกมิติอย่างรอบด้านทั้งสังคม สิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องสอดรับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) และยุทธศาสตร์ชาติด้วย ต่อไป SEA จะเป็นบรรทัดฐานที่จะนำไปใช้กับทุกโครงการ ทุกมิติอย่างจริงจัง ทั้งยังมีกระบวนการมีส่วนร่วมมากกว่า EHIA ฉะนั้นใน 9 เดือนต้องศึกษาถึงความจำเป็นต่อปริมาณถ่านหิน แนวทางการสร้างโรงไฟฟ้าภาคใต้ ที่ต้องสอดคล้องกับแผนปฏิรูปพลังงานและ PDP โดยใน 5 เดือนแรกนั้นต้องมีคำตอบสำหรับกระบี่และเทพาว่า ในพื้นที่ภาคใต้ต้องมีโรงไฟฟ้าฐานเพิ่มหรือไม่ หากจำเป็นต้องมี จะต้องมีโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือโรงไฟฟ้าทางเลือกอื่น”

นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะประธานร่วมชี้แจงเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการได้กำหนดเกณฑ์พิจารณาคัดเลือก

ผู้ยื่นข้อเสนอโครงการที่มีความเหมาะสมมากที่สุด เพื่อนำไปสู่จุดเริ่มต้นการคลี่คลายสถานการณ์ที่มีข้อขัดแย้งต่อพื้นที่จัดตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้ของประชาชนแต่ละกลุ่มอย่างรอบคอบ ยึดหลักดำเนินการด้วยความเป็นกลาง ตามหลักวิชาการที่ได้รับการยอมรับ และจะวางกรอบการดำเนินงานเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานในพื้นที่ภาคใต้ระยะยาว โดยยึดหลักให้มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ จึงขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในการดำเนินการของคณะกรรมการ