เลือกตั้งปลุกเศรษฐกิจ-ลงทุน Q4 กำลังซื้อดีดกลับ

โรดแมปเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 8 ปีของไทย ปลุกบรรยากาศเศรษฐกิจการลงทุนคึกคัก “สมคิด-รมว.คลัง” ปั่นจีดีพี 5% บิ๊กสหพัฒน์ชี้ ปลุกกำลังซื้อไตรมาส 4 กระเตื้องก่อนเลือกตั้ง

“ยักษ์ส่งออก-รถยนต์-รับเหมา” ขานรับ กกร.เตรียมประชุมปรับตัวเลขเศรษฐกิจ หนุนรัฐบาลใหม่สานต่อลงทุนอีอีซี-นโยบายเศรษฐกิจ คสช. หนุนเดินหน้าเจรจา FTA ยุโรป-CPTPP ฟากหอการค้าต่างประเทศตีปีก “ปลดล็อก” การลงทุนต่างชาติ

ภายหลังมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ทำให้กระบวนการเลือกตั้งเริ่มขึ้นทันที และ ม.44 ว่าด้วยคลายล็อกพรรคการเมือง โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. มีแนวโน้มจะนัดหารือพรรคการเมือง หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นัดประชุมชี้แจงพรรคการเมืองในวันที่ 28 ก.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นอีกครั้งในรอบ 8 ปี อย่างเร็วที่สุดวันที่ 24 ก.พ. 62

ทั้งนี้ เงื่อนเวลาการเลือกตั้งจะเริ่มนับ 150 วัน นับตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค. 61 หลัง พ.ร.ป.เลือกตั้งประกาศในราชกิจจานุเบกษา 90 วัน ดังนั้น กรอบเวลาของวันจัดเลือกตั้งจะอยู่ระหว่างวันที่ 10 ธ.ค. 2561 ไปจนถึงวันที่ 9 พ.ค. 2562

“สมคิด-รมว.คลัง” ปั่นจีดีพี 5%

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความชัดเจนของโรดแมปที่นำไปสู่การเลือกตั้งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน แต่เศรษฐกิจของไทยยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จะเป็นโอกาสมีกระแสเงินทุนไหลกลับเข้าไทย จะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในปีེ รัฐเตรียมลงทุนโครงการขนาดใหญ่ อาทิ รถไฟรางคู่, รถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน, ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3, การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา จะทำให้เศรษฐกิจไทยในปีหน้าเติบโตดีขึ้นด้วย

เช่นเดียวกับ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การเลือกตั้งมีความชัดเจนขึ้น ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจ “ตลาดหุ้นไทยจะดีขึ้น ปีนี้เราพยายามทำจีดีพีให้ได้ถึง 5% ถ้าได้ก็ดี เพราะเป็นความต้องการของรัฐ เมื่อจีดีพีเติบโตก็จะทำให้ประเทศมีความมั่งคั่งร่ำรวยมากขึ้น รวมถึงประชาชนที่ยากจนก็จะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”

ปลุก ศก.-กำลังซื้อไตรมาส 4

 

นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ความชัดเจนของกระบวนการเลือกตั้งสร้างผลบวกทั้งในแง่ของการลงทุนของกลุ่มต่างประเทศที่ตัดสินใจที่จะเข้ามาหรือกลุ่มที่ลงทุนในเมืองไทยอยู่แล้ว ซึ่งเห็นสัญญาณที่เป็นบวก เม็ดเงินสะพัดและผลักดันเศรษฐกิจทั้งระบบให้ขยายตัว โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 และข้ามไปไตรมาส 1 ปีหน้าบรรยากาศการจับจ่ายและกำลังซื้อจะฟื้นตัวดีขึ้น

“อะไรที่คลุมเครือมาก่อนหน้านี้ก็จะได้ชัดเจน และมีผลบวกต่อการตัดสินใจในการลงทุนต่าง ๆ ของกลุ่มธุรกิจ”

ปลดล็อกลงทุนต่างชาติ

นายสแตนลีย์ กัง ประธานหอการค้าต่างประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า นักลงทุนชื่นชมความพยายามของรัฐบาลไทย การเลือกตั้งส่งผลต่อการลงทุนในภาพรวม หากปีหน้ามีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ก็จะทำให้กลุ่มนักลงทุนที่เคยกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองของไทย เช่น นักลงทุนจากยุโรป น่าจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้น และตัดสินใจเข้ามาลงทุน หลังจากที่ลังเลอยู่นานพอสมควร

“อาทิตย์ก่อนได้คุยกับกลุ่มนักลงทุนจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะใน EEC แต่ก็ยังมีคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองและการเลือกตั้งอยู่บ้าง ความเป็นจริงแล้ว ทางสหภาพยุโรป (EU) ไม่ต้องการสูญเสียตลาดไทยเพราะไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดในอาเซียน ซึ่งที่ผ่านมา ฝรั่งเศสและอังกฤษที่เข้ามาลงทุนในไทยและสนใจที่จะขยายการลงทุนเพิ่ม แต่ยังติดปัญหาเรื่องการเลือกตั้ง และรอดูความชัดเจนในเรื่องนี้ก่อน”

3 ความต้องการต่างชาติ

ประธานหอการค้าต่างประเทศกล่าวว่า เรื่องความท้าทายของรัฐบาลไทยในอนาคต ไม่ใช่เรื่องการยกเว้นกฎระเบียบหรือภาษีต่าง ๆ เพื่อดึงการลงทุนอีกแล้ว เพราะทุกประเทศในอาเซียนก็ทำเหมือนกัน แต่ประเด็นสำคัญ คือ เรื่อง “ความยากง่ายในการทำธุรกิจ” และเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก ยกตัวอย่างง่าย ๆ กระบวนการอนุมัติใบอนุญาตทำงาน (work permit) และวีซ่า สำหรับต่างชาติที่ทำงานในไทย ยังมีขั้นตอนเยอะและช้ามาก รวมถึงปัญหาขาดแคลน “แรงงานทักษะ” อาจต้องเปิดเสรีให้กับผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมากขึ้น และเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านสื่อสาร หากรัฐบาลไทยต้องการบรรลุเป้าหมาย “ไทยแลนด์ 4.0” ในปี 2020 ไทยต้องพัฒนาและปรับปรุงความเร็วให้เป็น 5G ให้ได้ รวมทั้งระบบ e-Government ต้องเริ่มใช้ได้แล้ว เพราะจะสะท้อนถึงความพร้อมในหลายปัจจัยได้ดี เพราะโลกธุรกิจตอนนี้แข่งขันกันที่ความเร็ว

กกร.ปรับเป้าตัวเลขเศรษฐกิจ

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การเลือกตั้งทำให้ต่างประเทศให้การยอมรับไทยมากขึ้น ส่งผลดีต่อภาคการลงทุน จะเห็นว่าตลาดหุ้นขานรับแรงมาก ทิศทางเศรษฐกิจในไตรมาส 4/2561 น่าจะดีขึ้น และจะส่งผลดีต่อเนื่องไปถึงปีหน้า เพราะส่วนหนึ่งเป็นผลดีจากนโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ซึ่งเริ่มดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในช่วงปลายปีนี้ และกิจกรรมจากการเลือกตั้งที่จะมาช่วยหนุนอีกแรง ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ในเดือนตุลาคมนี้ จะมีการปรับตัวเลขเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ การเลือกตั้งยังจะส่งผลดีต่อการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างประเทศ (เอฟทีเอ) โดยเฉพาะกับสหภาพยุโรปที่ชะลอการเจรจาเพื่อรอการเลือกตั้ง ตอนนี้เริ่มมีความเคลื่อนไหว โดยเชิญผู้บริหารของไทยไปหารือแล้ว

อย่างไรก็ตาม หลังจากการเลือกตั้งขอให้ผู้ที่จะเข้ามาเป็นฝ่ายบริหารหรือฝ่ายค้าน เคารพกติกาและให้เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการสานต่อนโยบายที่ดีอยู่แล้ว เช่น การขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคต่าง ๆ นโยบายการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

หอการค้าดันสานต่อนโยบาย ศก.

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการหารือหอการค้าต่างประเทศมองว่า ภาพรวมความเชื่อมั่นน่าจะดีขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการลงทุน และมีส่วนผลักดันเศรษฐกิจไทยในปีหน้าขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่รัฐบาลใหม่ที่มาไม่ว่าจะพรรคใดควรสานต่อนโยบายเศรษฐกิจ รวมทั้งควรเร่งสานต่อการเจรจาความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ (CPTPP) หากไทยไม่ร่วมจะส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถการแข่งขัน

พร้อมกันนี้ ควรแก้ไขและลดอุปสรรคในการประกอบธุรกิจ ทั้งเรื่องผังเมือง ใบอนุญาตต่าง ๆ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดความง่ายในการประกอบธุรกิจ (ease of doing business) ดูแลสินค้าเกษตรควรสานต่อนโยบายเรื่องการตลาดนำการผลิต

เดินหน้าเจรจา FTA ยุโรป 

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า รัฐบาลที่จะเข้ามาต้องสานต่อนโยบายการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ผลักดันให้มีการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เพื่อสร้างแต้มต่อในการแข่งขัน โดยเฉพาะเอฟทีเอระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปที่มีโอกาสจะเกิดขึ้น และในปีหน้ารัฐบาลจะต้องวางแนวทางเพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นประธานการประชุมอาเซียนซึ่งถือเป็นโอกาสที่สำคัญมาก ผลักดันให้อาเซียนดำเนินมาตรการต่าง ๆ ที่จำเป็นเช่น การกำหนดมาตรฐานการค้าร่วมกัน และลดปัญหาอุปสรรค

รับเหมามั่นใจประมูลไม่สะดุด

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ยักษ์รับเหมารายใหญ่ กล่าวว่า หากภายใน ก.พ. 2562 มีการเลือกตั้ง สิ่งที่คิดว่าจะมีการเติบโตขึ้นแน่ ๆ คือ การลงทุนของภาคเอกชน ที่อาจเป็นทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติ

ส่วนการลงทุนภาครัฐแม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาล เชื่อว่าการลงทุนจะมีต่อไปอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประเทศไทยยังคงต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งอีกมาก เพื่อรองรับการพัฒนาขีดความสามารถของประเทศ และรองรับการลงทุนของภาคเอกชนด้วย

จี้เลิกจำนำ-รื้อ พ.ร.บ.ข้าว

ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า รัฐบาลจากการเลือกตั้งควรมุ่งเน้นการดูแลสินค้าข้าวโดยใช้ระบบกลไกตลาด ไม่ควรนำนโยบายการรับจำนำข้าว

ทุกเม็ดกลับมาใช้อีก เพราะจะกระทบต่ออุตสาหกรรมข้าวในระยะยาว ขณะเดียวกัน รัฐบาลควรวางยุทธศาสตร์ข้าวเพื่อวางระบบในระยะยาว โดยการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต พัฒนาเมล็ดพันธุ์ ลดต้นทุนการผลิต เดินหน้าโครงการนาแปลงใหญ่ และทบทวนร่างกฎหมาย พ.ร.บ.ข้าว พ.ศ. …. ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความเห็น เพื่อให้กฎหมาสอดคล้องกับสภาพธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป

WHA มั่นใจนักลงทุน

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA กล่าวว่า หลังจากนี้ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งควรสานต่อนโยบาย EEC การลงทุนในโครงการต่าง ๆ ทั้งการขนส่งระบบราง ไฮสปีดเทรน สนามบินอู่ตะเภา การพัฒนามหานครการบิน และสมาร์ทซิตี้ เพื่อให้เป็นไปตามแผนกรอบการลงทุนที่วางไว้ 5 ปี มูลค่า 15 ล้านล้านบาท ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ หากทำได้ตามแผน มั่นใจว่าช่วยให้จีดีพีปี 2562 ขยายตัวเกิน 5% แน่นอน

นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บมจ.เดลต้า อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า ไม่ว่ารัฐบาลใหม่จะเป็นใครเข้ามาควรเดินหน้าต่อโครงการประชารัฐ รวมถึงโครงการต่าง ๆ ที่เป็นนโยบายระยะยาว เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมไทยปรับตัวเข้าสู่ยุค 4.0 และการค้าการลงทุนจะต้องไม่สะดุด

ค่ายรถ-สองล้อเฮหนุนกำลังซื้อ

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า โรดแมปการเลือกตั้งจะทำให้ตลาดทุกเซ็กเมนต์ได้รับผลดีขึ้น การลงทุนจากต่างประเทศเห็นผลมากขึ้น ทั้งจะเป็นประโยชน์กับการเจรจาเอฟทีเอกับต่างประเทศ มั่นใจว่ายอดขายรถยนต์ทั้งอุตสาหกรรมจะขึ้นถึง 1 ล้านคันต่อปีแน่นอน

สอดคล้องกับ นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า การเลือกตั้งน่าจะส่งผลดีในทุก ๆ ด้าน รวมทั้งบรรยากาศช่วงก่อนการเลือกตั้ง คนจะมั่นใจและกล้าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ตลาดรถจักรยานยนต์ก็เช่นเดียวกัน น่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี และอาจจะสูงกว่าคาดการณ์เดิม 1.82 ล้านคัน

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ทุกคนต่างคาดหวังสิ่งที่น่าจะดีขึ้นหลังเลือกตั้ง ต่างประเทศที่แบนประเทศไทยอยู่ปีหน้าก็จะผ่อนปรนลง จะทำให้หลายๆส่วนดีขึ้น และน่าจะผลักดันให้ ตลาดรถฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีด้วย

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า เป็นสัญญาณดีที่จะส่งเสริมและสนับสนุนประเทศให้เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพ หลังจากที่รัฐบาลมีส่วนสำคัญในการวางรากฐานให้แต่ละอุตสาหกรรมมีความเข้มแข็ง มีระเบียบแบบแผนและยั่งยืน ภาพรวมเศรษฐกิจเราได้เห็นสัญญาณการปรับตัวที่ดีขึ้น และการจัดให้เกิดการเลือกตั้งจะช่วยส่งเสริมถึงเรื่องภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นจากนานาประเทศ รวมถึงคนไทย ขณะเดียวกันก็จะทำให้เกิดการใช้จ่ายในวงกว้างที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ

ท่องเที่ยวตีข่าวเลือกตั้งทั่วโลก

นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า สัญญาณชัดเรื่องการเลือกตั้งถือเป็นปัจจัยบวกสำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเช่นกัน และทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเชื่อมั่นในการที่จะเดินทางมาประเทศไทยมากขึ้น

เนื่องจากที่ผ่านมายังมีหลายประเทศที่ยังกังวลเรื่องเสถียรภาพการเมืองของไทยอยู่บ้าง นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ประเทศไทยจะก้าวสู่ความเป็นประชาธิปไตยและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งนี้ ทาง สทท.เตรียมที่จะสื่อสารข้อมูลและรายละเอียดดังกล่าวไปยังนักท่องเที่ยวในต่างประเทศ และเอเยนซี่ทัวร์ในต่างประเทศที่เป็นประเทศเป้าหมาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นต่อไป

ทุนท้องถิ่นเฮ ! ลงทุนกระเตื้อง

นายกฤษณ์ เชาว์บวร เลขาธิการกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การเลือกตั้งนำประเทศเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย จะทำให้เศรษฐกิจระดับล่างกระเตื้องขึ้น อย่างน้อยต้องมีการลงทุนในการหาเสียง เช่น ทำแผ่นโบรชัวร์ โปสเตอร์ ป้าย ฯลฯ ตามมาด้วยการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบลทั่วประเทศด้วย รวมไปถึงการประกอบการค้า การลงทุน จะเกิดความเชื่อมั่น อีกทั้งการต่อต้านจากต่างประเทศจะไม่เกิดขึ้น

นายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย กรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และอดีตประธานหอการค้าจังหวัดอุดรธานี รวมทั้งนายวิโรจน์ จิรัฐิติกาลโชติ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ ให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่า นักธุรกิจมีความมั่นใจในการลงทุนในอีก 1-2 ปีข้างหน้าได้ว่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน และเชื่อว่าจะทำให้กำลังซื้อของภาคประชาชนดีขึ้น

หุ้นดีด-เงินต่างชาติไหลเข้า

ผู้สื่อข่าวรายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า หลังมีความชัดเจนเรื่องวันเลือกตั้ง ผลักดันดัชนีวันที่ 13 ก.ย.ปรับตัวขึ้นไปปิดบวกได้ 38.57 จุด ด้วยปริมาณซื้อขายถึง 78,999.35 ล้านบาท โดยเริ่มเห็นสัญญาณฟันด์โฟลว์ต่างชาติกลับเข้าตลาดหุ้นไทย โดยมีนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิอยู่ที่ 2,007.13 ล้านบาท หลังจากตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (1 ม.ค.-13 ก.ย. 61) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 211,915.01 ล้านบาท

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้ง ส่งผลให้เศรษฐกิจและการลงทุนมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งสะท้อนมาจากสัญญาณที่ดีของตลาดหุ้นไทย โดยแสดงให้เห็นว่าตลาดกลับมามีความมั่นใจในการลงทุนในไทยมากขึ้น

สอดคล้องกับด้านนายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย ที่ระบุว่า การเลือกตั้งมีความชัดเจนมากที่สุดในรอบ 5 ปี จึงไม่แปลกใจที่เริ่มเห็นสัญญาณเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย จากที่ไหลออกไปตั้งแต่ปี 2556 หลังประเทศไทยต้องเผชิญปัญหาทางการเมืองประกอบกับการที่นักลงทุนสถาบันในประเทศมีแรงซื้อหุ้นไทยเข้ามามากกว่า 11,481 ล้านบาท (วันที่ 13 ก.ย. 61) อาจเป็นไปได้ว่ากองทุนต่าง ๆ เริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้น