ครม.ไฟเขียว ร่างกฎกระทรวง-ประกาศปิโตรเลียมรอบใหม่

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงและร่างประกาศคณะกรรมการปิโตรเลียม ออกตามความในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวม 4 ฉบับ

1.ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการขอและการได้รับสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต พ.ศ. …. กำหนดให้กรณีผู้ขอสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตที่ไม่มีความพร้อมเพียงพอที่จะสำรวจ ผลิตและจำหน่ายปิโตรเลียม ต้องมีบริษัทอื่นที่รัฐบาลเชื่อถือรับรอง ผู้ขอต้องเสนอข้อผูกพันด้านปริมาณเงินและปริมาณงานโดยสังเขปและกำหนดให้ช่วงสำรวจมีระยะเวลาไม่เกิน 6 ปี

2.ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต พ.ศ. …. กำหนดระยะเวลาของสัญญาไม่เกิน 39 ปี แบ่งออกเป็นระยะเวลาสำรวจ 6 ปี ต่อได้อีก 3 ปี ระยะเวลาผลิตไม่เกิน 20 ปี ต่อได้ครั้งเดียวแต่ไม่เกิน 10 ปี กำหนดการหักค่าใช้จ่ายตามเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินร้อยละ 50 ของผลผลิตรวม ส่วนเกินสามารถนำไปหักในไตรมาสถัดไปได้ จัดสรรกำไรให้กับผู้รับสัญญาได้ไม่เกินอัตราร้อยละ 50

3.ร่างกฎกระทรวงหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาในการนำส่งค่าภาคหลวงให้แก่รัฐ สำหรับผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต พ.ศ. …. กำหนดให้ผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตต่างส่งค่าภาคหลวงให้แก่รัฐในอัตราร้อยละ 10 โดยให้หักจากเงินที่ได้จากการขายหรือจำหน่ายผลผลิตรวมและนำส่งค่าภาคหลวงเป็นสกุลเงินบาทไทยเป็นรายเดือน

4.ร่างประกาศคณะกรรมการปิโตรเลียม เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดพื้นที่ที่จะดำเนินการสำรวจหรือผลิตปิโตรเลียมในรูปแบบของสัมปทาน สัญญาแบ่งปันผลผลิต หรือ สัญญาจ้างบริการ กำหนดพื้นที่ที่มีการสำรวจปิโตรเลียมกรณีมากกว่า 300 ล้านบาร์เรลขึ้นไป หรือ มากกว่า 4 ล้านบาร์เรลต่อหลุม หรือ กรณีก๊าซธรรมชาติมากกว่า 3 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต หรือ มากกว่า 4 หมื่นล้านลูกบาศก์ฟุตต่อหลุม ให้ใช้วิธีสัญญาจ้างบริการ กำหนดพื้นที่โอกาสสำรวจพบปิโตรเลียมเชิงพาณิชย์เฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 39 ให้ใช้วิธีแบบแบ่งปันผลผลิต ต่ำกว่าร้อยละ 39 ให้ใช้ระบบสัมปทาน สำหรับพื้นที่ที่มีโอกาสสำรวจพบ ได้แก่ พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 24 ภาคเหนือและภาคกลาง ร้อยละ 31 ภาคใต้ในทะเลอ่าวไทยร้อยละ 50
ทั้งนี้ให้ทบทวนพื้นสำรวจที่ทุก 3 ปี โดยคณะกรรมการกฤษฎีกาจะตรวจร่างให้แล้วเสร็จในเดือนกันยายนและเดือนตุลาคมคาดว่าจะสามารถใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าวในการเปิดประมูลปิโตรเลียมรอบที่ 21 อาทิ แปลงเอราวัณและบงกช