กกร.ลุ้นรัฐบาลใหม่กู้เศรษฐกิจ ขยับเป้าส่งออกทะลุ10%

แฟ้มภาพ

กกร.ปรับเป้าส่งออกปี’61 โต 10% เอกชนย้ำขอเลือกตั้งโปร่งใส รัฐวางนโยบายหนุนเอกชนทำธุรกิจสะดวก 

นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า ที่ประชุมได้ปรับเพิ่มกรอบล่างของประมาณการอัตราการขยายตัวการส่งออกปี 2561 เป็น 8-10% จากเดิมคาดไว้ที่ 7-10% ขณะที่การขยายตัวของ GDP ปรับเพิ่มกรอบล่างที่คาดว่าจะขยายตัว 4.4-4.8% จากเดิมประเมินว่าจะขยายตัว 4.3-4.8% เนื่องจากตัวเลขการส่งออก 8 เดือนแรกปี 2561 (ม.ค.-ส.ค.) ขยายตัวได้สูง จึงคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีน่าจะได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อจากคู่ค้ารองรับเทศกาลปลายปี และการขยายตัวของการบริโภค การลงทุนภาคเอกชนที่ฟื้นตัว การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเป้าเบิกจ่าย รวมทั้งการขยายตัวของ GDP ในช่วงครึ่งปีแรกปัจจัยบวกทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้ปีนี้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง

“แม้ว่าภาคเอกชนประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 จะขยายตัวได้ไม่สูงเท่าช่วงครึ่งปีแรก 2561 เพราะเป็นผลมาจากการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ชะลอลง ทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น เงินบาทกลับมาแข็งค่าในเดือน ก.ย. จากการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติในตลาดพันธบัตรไทย นักท่องเที่ยวจีนลดการท่องเที่ยวลงในช่วงเดือน ส.ค. (ปัจจุบันอยู่ที่ 7.73 ล้านคน) หลังจากเกิดเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต แต่ก็เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง และยังเป็นประเทศที่น่าลงทุน ส่วนประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนแม้จะยังไม่ส่งผลกระทบต่อไทย แต่ก็จำเป็นต้องจับตาดูสถานการณ์ต่อไป”

นายกลินท์กล่าวว่า บรรยากาศการเลือกตั้งรัฐจะต้องมีความโปร่งใส หากจะขยับให้ประเทศเดินไปข้างหน้ารัฐต้อง support เอกชนจะ operation และหากไทยมีรัฐบาลใหม่ ภาคเอกชนขอให้รัฐมีบทบาทในการทำหน้าที่สนับสนุนให้เอกชนในการดำเนินธุรกิจง่ายขึ้น โดยออกกฎหมายเพื่อเอกชนทำงานง่าย

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า หลังเปิดตัวหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหัวหน้าพรรคนั้น ในส่วนของภาคเอกชนเองไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร และมองว่าการทำงานร่วมกันที่ผ่านมาและที่จะเกิดขึ้นต่อไปยังคงร่วมกันทำงานกับภาครัฐได้เช่นเดิม

“ที่ผ่านมาเราทำงานกับรัฐง่ายอยู่แล้ว หวังว่าในอนาคตจะเป็นการทำงานแบบ policy maker เราเสนออะไรรัฐก็รับฟังความคิดเห็น เรื่องงบประมาณต่าง ๆ ยอมรับว่าทำงานกับรัฐบาลชุดนี้ง่ายกว่าชุดอื่น ส่วนการที่รัฐมนตรียังไม่มีการลาออกจากตำแหน่ง ในรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ แต่ที่ผ่านมาเขาจะเริ่มลดบทบาทลงและดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการ รมว. จนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง”