อมตะ-เอสซีจี-ดาว จับมือสร้างถนนจากขยะพลาสติก 140 กม. เส้นแรกในนิคมฯอมตะซิตี้ชลบุรี

นายวิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อำนวยการสายงานพัฒนาที่ดิน บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน กล่าวว่า บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี และกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อสร้างถนนพลาสติกรีไซเคิลเส้นแรกในนิคมอุตสาหกรรม ณ ต้นแบบเมืองอัจฉริยะอมตะซิตี้ชลบุรี ซึ่งเป็นการสร้างคุณค่าให้กับขยะพลาสติกตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ช่วยแก้ปัญหาการจัดการขยะภายในนิคมอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการตอบโจทย์นวัตกรรมถนนยางมะตอยที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

โดยจะเริ่มระยะแรกที่ 1 กม. ใช้ขยะจากถุงพลาสติกจำนวน 1.3 ตัน หรือ 1 แสนใบ ภายในนิคมฯซึ่งจะเเล้วเสร็จเริ่มใช้ได้กลางปี 2562 จากนั้นจะทดลองใช้ถนนเส้นนี้ 1 ปี และจะขยายการสร้างถนนให้รอบนิคมฯทั้งหมด 140 กม. คาดว่าจะลดค่าใช้จ่ายจากการใช้ยางมะต๋อยลง 20-30%

ซึ่งแต่ละปีประเทศไทยมีขยะพลาสติกประมาณ 1.5 ล้านตัน ที่ยังไม่ได้ถูกจัดการอย่างถูกวิธี ซึ่งบางส่วนอาจถูกพัดออกสู่มหาสมุทร ส่งผลต่อระบบนิเวศ โครงการถนนพลาสติกรีไซเคิล ณต้นแบบเมืองอัจฉริยะอมตะซิตี้
โดยความร่วมมือทางเทคโนโลยีระหว่างเอสซีจี และ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย มุ่งหวังที่จะเป็นแบบอย่างในการจัดการขยะพลาสติกจากภาคอุตสาหกรรมและภาคชุมชนได้อย่างยั่งยืนตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน สร้างคุณค่าให้กับพลาสติกใช้แล้วนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ให้คุ้มค่าและยั่งยืน โดย โครงการนี้วางแผนที่จะทำถนนพลาสติกรีไซเคิลในพื้นที่นิคมฯอมตะรวมทั้งสิ้น 2,600 ตารางเมตร และคาดว่าจะใช้จำนวนพลาสติกรีไซเคิลประมาณ 1.3 ตัน หรือเทียบเท่ากับถุงพลาสติก จำนวนประมาณ 1 แสนใบ โดยคาดว่าการก่อสร้างถนนพลาสติกรีไซเคิลในครั้งนี้จะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2561

จากการทดสอบโดยภาควิชาโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เปรียบเทียบคุณสมบัติของถนนยางมะตอยซึ่งใช้พลาสติกรีไซเคิลเป็นส่วนประกอบ กับถนนยางมะตอยทั่วไป พบว่าถนนยางมะตอยซึ่งมีพลาสติกรีไซเคิลเป็นส่วนประกอบนั้นมีคุณสมบัติดีขึ้นทั้งในด้าน การเพิ่มความแข็งแรงคงทน ประมาณ 15-33% และการเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนประมาณ 6%

สำหรับความร่วมมือ 3 ฝ่ายครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญในการนำพลาสติกรีไซเคิลมาเป็นส่วนประกอบของการสร้างถนนในพื้นที่นำร่องภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรีเพื่อสร้างต้นแบบเมืองอัจฉริยะ(สมาร์ทซิตี้)แห่งแรกของไทย ซึ่งการสร้างถนนจากพลาสติกรีไซเคิลนอกจากจะมีความแข็งแรงทนทานและประสิทธิภาพสูงกว่ายางมะตอยทั่วไปแล้ว ยังช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกอย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อันจะนำมาซึ่งการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้กับประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพ

“เบื้องต้นจะมีการนำพลาสติกรีไซเคิลมาสร้างถนน 2 จุดในนิคมฯอมตะซิตี้ ชลบุรี ซึ่งการดำเนินงานนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการตอบโจทย์ของสมาร์ทซิตี้ คือ Smart Environment ซึ่งสอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่วางเป้าหมายสนับสนุนให้เกิดสมาร์ทซิตี้โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และถือเป็นถนนพลาสติกรีไซเคิลเส้นแรกในนิคมอุตสาหกรรมของประเทศไทยที่จะนำขยะพลาสติกมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการสร้างถนนที่ใช้งานได้จริง และยังเป็นโครงการนำร่องที่จะดำเนินการในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป“

นายชลณัฐ ญาณารณพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี กล่าวว่า แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นแนวทางเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ให้ความสำคัญกับการรักษาคุณค่าของทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยใช้ทรัพยากรเท่าที่จำเป็น ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ธุรกิจ และประชาสังคม สำหรับความร่วมมือกับอมตะและดาวในครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่งและมีอุดมการณ์เดียวกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดขึ้นจริงและยั่งยืน

โดยเอสซีจีพร้อมที่จะร่วมมือและช่วยขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาถนนพลาสติกรีไซเคิล ณ นิคมฯ อมตะซิตี้ชลบุรี ให้เป็นถนนพลาสติกรีไซเคิลที่ใช้งานได้จริง และสามารถขยายโครงการนี้ต่อไปยังภาคส่วนอื่นๆ ในอนาคต ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการลดปัญหาขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน


นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า “ดาวได้ริเริ่มโครงการสร้างถนนยางมะตอยจากพลาสติกรีไซเคิลในประเทศอินเดียและอินโดนีเซียมาก่อนหน้านี้และได้รับความสำเร็จอย่างดีโดยมีระยะความยาวของถนนรวมกว่า 40 กิโลเมตร นอกจากถนนพลาสติกรีไซเคิลจะช่วยแก้ปัญหาขยะพลาสติกได้อย่างยั่งยืนแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของถนนยางมะตอยอีกด้วย
ซึ่งคุณสมบัติของพลาสติกจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทานและกันการกัดเซาะของพื้นผิวถนนได้ดีขึ้นด้วยความร่วมมือของทั้ง 3 ฝ่ายในครั้งนี้จะทำให้เราสามารถพัฒนาเทคโนโลยีและรูปแบบการรีไซเคิลพลาสติกให้เหมาะสมสำหรับการทำถนนในประเทศไทยได้ดีมากยิ่งขึ้นเพื่อเป็นแนวทางหนึ่งของการลดปริมาณะพลาสติกที่ออกไปสู่ทะเลได้อย่างเป็นรูปธรรม”