ซีอีโอ”เบรกลงทุน-กำเงินสด” รีวิวแผนธุรกิจรับศึกการค้าโลก

ซีอีโอยักษ์ธุรกิจปรับแผนรับมือสงครามการค้าโลกฉุดเศรษฐกิจโลกชะลอตัว “เบรกลงทุน-เก็บเงินสด” เอสซีจี-ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ เผยปัจจัยเสี่ยงรอบทิศ ตั้งหลักรอความชัดเจน สั่งรีวิวแผนการลงทุนใหม่ทั้งในและต่างประเทศ แถมเจอต้นทุนธุรกิจสูงขึ้นทั้ง “ดอกเบี้ย-ราคาน้ำมัน” ฟากเซ็นทรัลเผยนักท่องเที่ยวจีนหาย ทุบเศรษฐกิจหัวเมืองหลัก “ภูเก็ต-พัทยา-เชียงใหม่” แบงก์ชาติเตือนจับตาคุณภาพลูกหนี้กลุ่มส่งออก สรท.ถก 7 กลุ่มผู้ผลิตสินค้า

เบรกลงทุน-กำเงินสด

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เมลามีนรายใหญ่ของโลก และรองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้บริษัทต้องปรับแผนการลงทุนโดยรวมทั้งหมด โดยช่วงนี้ไม่มีการลงทุนเลย ให้ทุกฝ่ายรอดูความชัดเจน เพราะปัจจัยภายนอกประเทศมีตัวแปรเยอะมาก อัตราแลกเปลี่ยนก็ผันผวน และจากปัญหาของตลาดส่งออกก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศด้วย “ตอนนี้นโยบายของบริษัทเน้นเก็บเงินสดไว้ในมือให้มากที่สุด แผนการลงทุนต่าง ๆ ชะลอไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นแผนขยายการลงทุนที่เวียดนาม หรืออินเดีย เพราะสถานการณ์ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ ความเสี่ยงหลายตัว เรียกว่านโยบายตอนนี้คอนเซอร์เวทีฟมาก ต้องเมกชัวร์ว่ามีสัญญาสั่งซื้อลูกค้าในมือแล้วถึงจะลงทุน จากเดิมที่จะขยายการลงทุนล่วงหน้า ตอนนี้เบรกหมด รวมทั้งมีการทบทวนงบประมาณลงทุนในประเทศด้วย” นายสนั่นกล่าว

เพราะสถานการณ์สงครามการค้ามีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อ หลังจากท่าทีจีนแข็งกร้าว ตอนนี้ก็ต้องรอดูสถานการณ์เลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ (6 พ.ย.) ว่าผลจะออกมาอย่างไร แล้วจะส่งผลต่อท่าทีของทรัมป์จะเปลี่ยนไปหรือไม่

ต้นทุน “ดอกเบี้ย-น้ำมัน” พุ่ง

นายสนั่นเพิ่มเติมว่า ตอนนี้เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าเยอะมาก ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศก็ใช่ว่าจะสดใส เพราะไม่รู้ว่าการเมืองปีหน้าจะเป็นอย่างไร ขณะที่ต้นทุนการดำเนินธุรกิจก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากทิศทางดอกเบี้ยขยับขึ้น และราคาน้ำมันก็สูงขึ้น

สำหรับตัวเลขส่งออกปลายปีนี้ก็คงเป็นไปตามเป้าของรัฐบาล แต่สำหรับปีหน้าตัวเลขเติบโต 8% เรียกว่าเป็นตัวเลขเป้าหมายในการทำงานของรัฐบาล แต่ในแง่ของความเป็นจริงก็ต้องรอดู

“สถานการณ์ตอนนี้มองโลกในแง่ดีไม่ได้ นักธุรกิจทุกคนระมัดระวังกันหมด ปีหน้าภาพจะเป็นฟรีซการลงทุนมากขึ้น เก็บกระแสเงินสดไว้ก่อน ของกลุ่มศรีไทยฯระวังเรื่องการลงทุนมาก ไม่ได้คาดหวังเรื่องการเติบโตของยอดขาย แต่จะเน้นที่การรักษาตัวเลขกำไรไว้มากกว่า” ประธานกรรมการบริษัทศรีไทยซุปเปอร์แวร์กล่าว

SCG ปรับแผนตัดงบฯลงทุน

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยว่า บริษัทติดตามสถานการณ์สงครามการค้าจีน-สหรัฐอเมริกา รวมทั้งความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกซึ่งมีผลกระทบต่อธุรกิจโดยรวม บริษัทจึงปรับตัวรับมือด้วยแผน 6 ด้าน ประกอบด้วย 1.การขยายโอกาสส่งออกตามทิศทางตลาดโลก โดยมองว่าเป็นโอกาสที่จะเจาะตลาดส่งออกไปยังจีนและสหรัฐเพิ่มมากขึ้น ทั้งในผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างและเคมีภัณฑ์ 2.ทบทวนโครงการลงทุนและต้นทุนการลงทุน โดยโครงการที่ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและยังไม่ตัดสินใจลงทุนก็จะชะลอการลงทุนไปก่อน โดยปีนี้จากเดิมวางแผนใช้งบฯลงทุน 5 หมื่นล้านบาท อาจจะลดลงมาอยู่ที่ 4-4.5 หมื่นล้านบาท ส่วนปีนี้กำลังประเมินว่าจะลดงบฯการลงทุนส่วนใดได้บ้าง รวมทั้งจะตัดขายธุรกิจที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ และมองว่าระยะยาวอาจแข่งขันได้ยาก

3.การบริหารจัดการต้นทุนพลังงาน โดยจะทำสัญญาซื้อขายถ่านหินล่วงหน้าเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน รวมทั้งส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในโรงงานเพื่อลดต้นทุน เช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์ในโรงงาน โดยสามารถจ่ายไฟได้แล้ว 38 เมกะวัตต์ 4.สร้างนวัตกรรมเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ 5.เพิ่มประสิทธิภาพเงินทุนหมุนเวียนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สอดคล้องกับแผนการลงทุน และ 6.การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล

โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2561 บริษัทมีรายได้จากการขาย 122,518 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 9,473 ล้านบาท ลดลง 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชี 1,670 ล้านบาท จากธุรกิจซีเมนต์ที่ลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งได้รับผลกระทบจากค่าเงินที่อ่อนค่าลง และต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันตลาดโลก ส่วนงวด 9 เดือนแรกปี 2561 บริษัทมีรายได้จากการขาย 361,215 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 34,281 ล้านบาท ลดลง 19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นักท่องเที่ยวจีนทุบ ศก.หัวเมือง

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ฉายภาพว่า ปัญหาใหญ่ตอนนี้คือนักท่องเที่ยวจีนที่หายไป ซึ่งกระทบในหลายพื้นที่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยว ทั้งภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ ส่วนภาพใหญ่ของเศรษฐกิจโลกระหว่างจีนและอเมริกา ส่วนตัวแล้วยังมองแบบมีความหวัง เพราะไม่ว่าจะแข่งขันต่อสู้กันอย่างไร เชื่อว่าในที่สุดไม่มีใครอยากทำให้เศรษฐกิจทั้งโลกแย่ เพราะจะได้รับผลกระทบโดนกันไปทั้งหมด ซึ่งต้องรอดูการเลือกตั้งกลางเทอมของอเมริกาในเดือนหน้า อาจจะเข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนของสถานการณ์ให้คลี่คลายไปได้

“ตอนนี้ที่น่าห่วงคือกำลังซื้อรากหญ้า ตลาดแมสที่น่าจะมีปัญหา เพราะแนวโน้มทั้งส่งออก ราคาสินค้าเกษตร หรือท่องเที่ยวยังต้องเฝ้าติดตาม แต่เราก็คงต้องทำทุกทางเพื่อดึงตลาดท่องเที่ยวกลับมา ส่วนตลาดกลางและบนกำลังซื้อยังดีอยู่ สอดคล้องกับการลงทุนของเซ็นทรัลที่ต่อเนื่อง เพราะเรามองตลาดระยะยาว”

8 กลุ่มสินค้าส่งออกถกรับมือ

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) และในฐานะรองประธาน บริษัท มหาบูรพาผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด เปิดเผยว่า จากการประชุมกับบริษัทสมาชิกของ สรท. เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการเข้าร่วมหารือ 7-8 กลุ่มสินค้า เพื่อประเมินสถานการณ์ส่งออกในปี 2562 เบื้องต้นกลุ่มสินค้าที่ส่งออกยังขยายตัวได้ดี ได้แก่ กลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน ผลไม้ อัญมณี ยานยนต์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ยาง

“ส่งออกผลไม้ยังไปได้ดี ตลาดยังมีความต้องการนำเข้า ขณะที่สินค้ากลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์แม้ว่าจะมีการใช้มาตรการปรับขึ้นภาษี แต่สมาชิกมองว่าภาวะการส่งออกติดลบในเดือนที่ผ่านมาเป็นภาวะชั่วคราวเท่านั้น”

กลุ่มที่สถานการณ์ส่งออกไม่ค่อยดี มี 3 กลุ่ม ได้แก่ กุ้งแช่เย็นแช่แข็ง เป็นผลจากการแข่งขันที่รุนแรงทั้งจากอินเดียและเวียดนาม และสินค้าน้ำตาล ยางพาราและกลุ่มที่ยังก้ำกึ่ง คือ เครื่องนุ่งห่มและเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะสองกลุ่มนี้ผลจากสงครามการค้าอาจสามารถขยายตลาดส่งออกไปทดแทนสินค้าในตลาดจีนและสหรัฐได้ แต่ขณะเดียวกันก็จะมีสินค้าจากจีนและสหรัฐทะลักกลับเข้ามาแข่งขันในตลาดอาเซียนมากขึ้น ส่วนกลุ่มเครื่องนุ่งห่มก็มีความเปลี่ยนแปลงทางด้านซัพพลายพอสมควร เพราะอาจจะทำให้มีการย้ายฐานการผลิตต่าง ๆ ขณะนี้จึงยังไม่มีการสรุปภาพรวมของการส่งออกปี 2562 โดย สรท.จะมีการนำความเห็นไปประเมินร่วมกันอีกครั้ง

ปรับแผนร่วมทุนจีน-สหรัฐ

นายวิศิษฐ์กล่าวว่า ประเมินจากสถานการณ์การส่งออกแล้วจะเห็นว่าแนวโน้มทิศทางการลงทุนในปีหน้า หลายอุตสาหกรรมอาจมีการลงทุนเพิ่ม แต่จะเป็นในลักษณะการร่วมทุนกับทุนจีน หรือทุนสหรัฐ เพื่อเป็นการปรับย้ายฐานการผลิตเลี่ยงจากปัญหาสงครามการค้า

ขณะที่ผู้ประกอบการบางกลุ่มอาจชะลอแผนการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกอีกมาก ซึ่งหลาย ๆ ประเด็นยังต้องดูความชัดเจน ตัวอย่าง เช่น ความต่อเนื่องของรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งกำลังจะมีการเลือกตั้งกลางเทอมว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นเช่นไร และจะมีผลต่อการดำเนินนโยบายอเมริกันเฟิรสต์ต่อไปหรือไม่ ซึ่งหลังจากช่วงครึ่งแรกของปีหน้าจึงจะกลับมาทบทวนนโยบายการลงทุนอีกครั้ง

ส่งออกผลไม้กระป๋องยอดตก

นายวิศิษฐ์กล่าวว่า โดยส่วนตัวบริษัทมหาบูรพาฯซึ่งเป็นผู้ผลิตผักผลไม้กระป๋อง ได้มีการชะลอการลงทุนปีนี้ถึงปีหน้าเพื่อรอดูสถานการณ์ แต่มีการใช้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 65% โดยบริษัทยังกังวลถึงปัจจัยเสี่ยงเนื่องจากบริษัทพึ่งพาการส่งออก 100% ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากภาวะเงินบาทแข็งค่ามาต่อเนื่อง 2 ปี

กระทบคุณภาพลูกหนี้

นางสาวฐิติมา ชูเชิด รองผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สงครามการค้าเป็นความเสี่ยงส่งผลเศรษฐกิจโลกชะลอ และทำให้เศรษฐกิจไทยก็ชะลอตัวลงด้วย หากประเมินสถานการณ์สงครามการค้ามองว่าเป็นความเสี่ยงต่างประเทศที่สำคัญต่อเศรษฐกิจไทยได้ 2 ทาง ได้แก่ การหันเหทางการค้า (trade diversion) คือหากสงครามการค้ารุนแรงขึ้น ส่งผลให้จีนส่งสินค้าไปขายไม่ได้ อาจส่งมาขายในไทยมากขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันราคาเพิ่มมากขึ้น อีกทางคือการหันเหทางการลงทุน (investment diversion) หลายประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าอาจย้ายฐานการผลิตมาที่ไทย ก็จะเกิดผลบวกต่อไทยได้

นางสาวฐิติมากล่าวว่า ผลกระทบต่อกลุ่มธนาคารนั้นต้องติดตามการเติบโตของเศรษฐกิจโลกว่าเป็นไปตามประมาณการหรือไม่ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อแผนการปล่อยสินเชื่อของธนาคารได้ เนื่องจากประเด็นสงครามการค้าอาจส่งผลต่อคุณภาพของลูกหนี้ที่มากู้ธนาคารได้ เพราะความรุนแรงที่มากขึ้นที่มากระทบการค้าโลก อาจทำให้มีผลต่อยอดส่งออกไปต่างประเทศของไทย