“สนธิรัตน์” เผยที่ประชุม นบมส.เห็นชอบให้ทุกหน่วยงานระดมหามาตรการแก้ไขโรคใบด่างในมันสำปะหลังก่อนกระจายทุกพื้นที่

“สนธิรัตน์” เผยที่ประชุม นบมส.เห็นชอบให้ทุกหน่วยงานระดมหามาตรการแก้ไขโรคใบด่างในมันสำปะหลังก่อนกระจายทุกพื้นที่ โดยเร่งสรุปให้ได้ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อที่จะเสนอ ครม.เห็นชอบต่อไป พบตอนนี้มันสำปะหลังที่ปราจีน มีปัญหาหวั่นจะกระจายไปในพื้นที่อื่น จะสร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรได้

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ภาครัฐ ภาคเอกชนและเกษตรกร ร่วมกันหามาตรการในการแก้ไขปัญหาโรคใบด่างในมันสำปะหลัง พร้อมทั้งมาตาการช่วยเหลือสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ดี สำหรับมาตรการที่จะช่วยเหลือจะดำเนินการอย่างไรบ้างนั้น อาจจะต้องรอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสรุปในการหามาตรการที่เหมาะสม เพื่อที่จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปได้ผ่านมา 2 สัปดาห์นี้

นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบในมาตรการเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังในปีการผลิต 2561/62 ด้วย เช่น การส่งเสริมเครื่องซับมันให้กับเกษตรกรอีก 450 เครื่อง จากเดิมที่มีอยู่ 500 เครื่อง สนับสนุนโครงการน้ำหยดเพื่อเพิ่มผลผลิต ส่งเสริมการให้สินเชื้อในการรวบรวมมันสำปะหลัง ส่งเสริมการให้สินเชื้อฉุกเฉิน ยกระดับผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง รวมไปถึงการดูแลในเรื่องของมาตรการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย โดยมาตรการดังกล่าวนี้สามารถเดินหน้าส่งเสริมและช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูก โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะเร่งเดินหน้าต่อไป

“การเร่งหามาตรการแก้ไขโรคใบด่าง ในมันสำปะหลังมองว่าเป็นปัญหาที่เราต้องยกระดับขึ้นมาสู่ระดับนโยบาย เพื่อร่วมบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหา เพราะมีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง และจากการปัญหาที่พบมีบางพื้นที่ประสบปัญหาเรื่องนี้ ดังนั้น ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมกันหามาตรการที่เหมาะสมแก้ไขต่อไป พร้อมกันนี้ ยังพบว่าขณะนี้โรคดังกล่าวได้กระจายในเวียดนาม กัมพูชา และผลผลิตมันสำปะหลังได้รับความเสียหายจากโรคที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด สำหรับประเทศไทยกรมวิชาการเกษตรกร ก็เร่งแก้ไขปัญหานี้อยู่”

ด้านนางสุรีย์ ยอดประจง กรรมการและที่ปรึกษา สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย กล่าวว่า จากนี้ภาคเอกชนจะต้องเร่งประชุมหารือเพื่อหาข้อสรปุและมาตรการในการแก้ไขในเรื่องนี้ ซึ่งที่ผ่านมาภาคเอกชนร่วมมือกับกรมวิชาการเกษตรกรในการติดตามปัญหาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในบางพื้นที่ที่ประสบปัญหาได้รับการแก้ไขไปแล้ว เช่น ในพื้นที่ศรีสะเกษ และสุรินทร์ แต่ขณะนี้โรคได้กระจายไปในพื้นที่ปราจีนบุรี โดยภาคเอกชนและหน่วยงานรัฐก็เข้าไปแก้ไข แต่พบว่าเกษตรกร เจ้าของพื้นที่ในการเพราะปลูกยังขาดความเข้าใจและความร่วมมือ ซึ่งจากเดิมพบต้นมันสำปะหลังติดโรคเพียง 1-2 ต้น ตั้งแต่ตรวจพบปัญหาในเดือนกันยายน 2561 ที่ผ่านมา

แต่ในปัจจุบันโรคได้กระจายพื้นที่เพิ่มขึ้น 30% ของพื้น 850 ไร่ ที่มีปัญหาซึ่งก็มีความกังวลหากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว เชื่อว่าโรคอาจจะกระจายแพร่ไปในพื้นที่ใกล้เคียง โดยโรคใบด่างนี้ไม่มีวิธีการป้องกัน เมื่อติดโรคแล้ว มันสำปะหลังนั้นต้องทำลายทิ้งเพียงอย่างเดียว โดยจำเป็นต้องขุดฝั่งลึก 3 เมตร พร้อมฉีดยาพ่นเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค ซึ่งต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าช่วยเหลือ และชี้แจงกับเกษตรกรให้เกิดความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น


สำหรับราคามันสำปะหลังขณะนี้อยู่ที่ 2.00-2.80 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ต้นทุน 1.80-1.90 บาทต่อกิโลกรัม และคาดว่าผลผลิตมันสำปะหลังในปีการผลิต 2561/62 เฉลี่ยอยู่ที่ 29 ล้านตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมา และในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นช่วงที่ผลผลิตกำลังทยอยออกสู่ตลาดด้วย