วัลลภ มานะธัญญา 82 ปี ข้าวคุณภาพ ข้าวหงษ์ทอง

สัมภาษณ์พิเศษ

การแข่งขันในตลาดข้าวดุเดือดมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำอย่างไรผู้ส่งออกข้าวไทยจึงยังสามารถครองตลาดยึดใจผู้บริโภคได้ ผู้ส่งออกต้องหันมาพัฒนาเพิ่มศักยภาพโดยการลงทุน วิจัย และพัฒนาสินค้าให้ก้าวทันกับตลาดที่เปลี่ยน “นายวัลลภ มานะธัญญา” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บางซื่อโรงสีไฟเจียเม้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวหงษ์ทอง ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงแนวทางการพัฒนาแข่งขันรักษาฐานลูกค้า

ภาพรวมธุรกิจ “ข้าวหงษ์ทอง”

บริษัทเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวแบรนด์หงษ์ทองมากว่า 82 ปี โดยแบ่งเป็นตลาดในประเทศสัดส่วน 45% และตลาดต่างประเทศ 55% และวางเป้าหมายการเติบโตของแต่ละตลาดมากกว่า 10% ขึ้นไป เนื่องจากเรามีความมั่นใจว่าความต้องการและคุณภาพที่บริษัทผลิตสินค้าออกมานั้น ยังเป็นที่ตอบรับของตลาดและผู้บริโภคอย่างมาก

ปัจจุบันตลาดส่งออกที่บริษัทส่งออกไปต่างประเทศกว่า 20 ประเทศทั่วโลก โดยตลาดส่งออกสำคัญ เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ สหรัฐ จีน เป็นต้น โตขึ้นทุกปี โดยส่วนใหญ่เป็นตลาดข้าวหอมมะลิ ปลายข้าวหอมมะลิ และมีข้าวเหนียวบ้างแต่มีปริมาณไม่เยอะ ส่วนตลาดในประเทศเราเป็นผู้นำตลาด 1 ใน 5 ของผู้ประกอบการข้าวถุงในประเทศ

นโยบายการรักษาคุณภาพ

อย่างไรก็ดี บริษัทมุ่งเน้นพัฒนาข้าวคุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องความหอม ซึ่งที่ผ่านมาเริ่มได้รับเสียงบ่นจากผู้บริโภค/ผู้นำเข้าว่าข้าวมีความหอมของข้าวหอมมะลิไทยลดลง ดังนั้น บริษัทจึงให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นพิเศษ โดยได้ขอความร่วมมือกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอให้มีการพัฒนาเครื่องตรวจวัดความหอมของข้าวหอมมะลิ เนื่องจากยังมีข้อจำกัดตรวจได้เฉพาะบางพื้นที่ที่เอกชนสามารถส่งข้าวไปตรวจได้ คือ ที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งกว่าจะรับรู้ผลก็ใช้เวลานาน รวมไปถึงต้นทุนการขนส่งก็มีมาก ขณะที่เอกชนก็ต้องส่งออกสินค้า หรือต้องการรู้ว่าความหอมของข้าวนั้นลดลงไปในขั้นตอนไหนเพื่อนำกลับมาแก้ไข

หากได้รับการสนับสนุนเปิดกว้างให้ภาคเอกชน ก็เชื่อว่าจะทำให้ศักยภาพการแข่งขันของบริษัท หรือผู้ประกอบการ ผู้ส่งออกข้าวดีขึ้น พร้อมกันนี้บริษัทให้ความสำคัญเรื่องพันธุ์ข้าวด้วย เพราะต้องยอมรับว่าปัญหานี้เป็นจุดอ่อนของไทยที่ต้องได้รับการพัฒนาดูแลอย่างจริงจัง ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญและผลิตพันธุ์ข้าวหอมมะลิให้มีความบริสุทธิ์มากที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคว่าจะได้บริโภคข้าวที่มีคุณภาพหอมอร่อย

พัฒนาต้นน้ำ-การันตีราคาซื้อ

ปัจจุบันบริษัททำคอนแทร็กต์ฟาร์มมิ่งกับเกษตรกรเพื่อรับซื้อข้าวที่เกษตรกรผลิตได้ แต่จะต้องอยู่ในโครงการหรือภายใต้เงื่อนไขที่บริษัทได้กำหนดไว้ ซึ่งทำให้ปริมาณข้าวที่เข้ามาขายที่โรงสีก็ยังมีไม่ถึงกำลังการผลิตที่ผลิตได้จริง เพราะหากดูเพียงแค่ที่โรงสีศรีสะเกษแล้วต่อปีกำลังการผลิตและความต้องการข้าวที่รับได้อยู่ที่ปริมาณ 1 ล้านไร่ ซึ่งปัจจุบันก็ยังเข้ามาไม่ถึง อีกทั้งปัจจุบันการแข่งขันโรงสีก็มีมากขึ้น บริษัทจึงสร้างแรงจูงใจให้กับเกษตรกรมากมายโดยการันตีเรื่องของการรับซื้อและราคาหากเกษตรกรสามารถผลิตข้าวได้ตามคุณภาพที่ตกลงไว้ โดยในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2561 ผลผลิตข้าวนาปีในพื้นที่ภาคอีสานเริ่มทยอยออกมาและมีการเก็บเกี่ยวอย่างต่อเนื่อง โรงสีเรารับซื้ออยู่ที่ 12.33 บาทต่อกิโลกรัม ในความชื้น 28-30% โดยบริษัทเปิดลานรับซื้อข้าวที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งสามารถรับซื้อข้าวได้ต่อปีประมาณ 65,000 ตัน พร้อมกันนี้ลานรับซื้อเรายังรับซื้อปาล์มน้ำมัน สำปะหลัง ซึ่งรับซื้อมาและขายต่อ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ลานรับซื้อว่างและสร้างรายได้ให้กับพนักงานและเปิดช่องทางให้เกษตรกรมีพื้นที่ขาย

นอกจากนี้ บริษัทเป็นสมาชิกในสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย มีแผนพัฒนาข้าวขาวพื้นนิ่มซึ่งร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะนำร่องเพาะปลูกข้าวในพื้นที่ 4-5 พันไร่ในระยะเริ่มต้น โดยผู้ส่งออกจะรับซื้อข้าวจากเกษตรกรผู้ปลูกทั้งหมด และทดลองตลาดโดยสมาชิกผู้ส่งออกจะทำตลาดและเป้าหมายหลักเรามองที่จะดึงส่วนแบ่งตลาดจีนที่สนใจซื้อข้าวขาวโดยเฉพาะข้าวนิ่มมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันคู่แข่งที่มีศักยภาพมากขึ้นทั้งเวียดนาม อินเดีย กัมพูชา ต่างมีการผลิตพันธุ์ข้าวที่มีหลากหลาย คุณภาพมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งปัจจัยเรื่องของภัยธรรมชาติไม่สามารถคาดเดาได้ แต่อย่างไรก็ดี เชื่อว่าศักยภาพของบริษัทยังมั่นใจที่ยังแข่งขันและตอบสนองความต้องการได้

ขยายโรงสีข้าวรองรับผลผลิต

ในเร็ว ๆ นี้บริษัทยังไม่มีแนวคิดขยายโรงสีเพิ่มเติม เนื่องจากปัจจุบันกำลังการผลิตของเรามีเพียงพอหรือมากกว่าปริมาณข้าวที่เข้ามากว่าในปัจจุบัน โดยบริษัทมีโรงสีที่รับซื้อข้าวและผลิตเพื่อการส่งออกและขายในประเทศ 4 แห่งด้วยกัน เช่น โรงสีที่เราเป็นเจ้าของพื้นที่มี 2 แห่ง คือ ที่จังหวัดนนทบุรี และศรีสะเกษ และอีก 2 แห่งเราทำการเช่าพื้นที่เพื่อสีข้าว อบข้าว ผลิตเพื่อจำหน่ายมีที่สุพรรณบุรี และร้อยเอ็ด ซึ่งกำลังการผลิตและรับซื้อข้าวเรามีเพียงพอ

สินค้าใหม่พร้อมเปิดตลาด

บริษัทออกสินค้าพิเศษในช่วงปลายปีที่มาจากข้าวฤดูใหม่มาวางจำหน่าย เป็นสินค้ารุ่นลิมิเต็ดซึ่งจะออกมาให้ลูกค้า ผู้บริโภคในปีละครั้ง จากปัจจุบันตอนนี้บริษัทมีผลิตภัณฑ์ข้าวสารบรรจุถุงขนาด 5 กิโลกรัมขายในประเทศ ขณะที่ตลาดต่างประเทศก็จะมีขนาดเพิ่มขึ้น ตลาดมีความต้องการของผู้บริโภคและตลาดเพื่อให้เหมาะสม

นอกจากนี้ บริษัทก็ยังผลิตข้าวถ้วยพร้อมรับประทาน เครื่องดื่มจากข้าวที่ให้พลังงาน ซึ่งก็ยังเดินหน้าทำตลาดและพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดตลาดต่างประเทศยังได้มีคำสั่งซื้อสินค้าให้ทำข้าวซองพร้อมทาน โดยเฉพาะตลาดสหรัฐสนใจและสั่งบริษัทให้จัดทำ โดยเรื่องนี้ก็อยู่ในการพิจารณาเนื่องจากต้องวางแผนการผลิต ลงทุนเพิ่มเติม เพราะบริษัทยังไม่เคยทำมาก่อน