พาณิชย์ เตรียมชงมาตรการช่วยเหลือปาล์มเข้าที่ประชุม ครม.ในวันที่ 13 พย. 61 นี้

พาณิชย์ เตรียมชงมาตรการช่วยเหลือปาล์มเข้าที่ประชุม ครม.ในวันที่ 13 พย. 61 นี้หวังแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำ ขณะที่ การลักลอบนำน้ำมันปาล์มขวดมาจำหน่ายได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามอย่างใกล้ชิด หากพบกระทำผิดพร้อมดำเนินการตามกฎหมาย

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอมาตรการ เพื่อแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันทั้งระบบ โดยเฉพาะมาตรการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนำน้ำมันปาล์มดิบไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าเป้าหมาย 1.6 แสนตันต่อปี เพื่อปรับสมดุลให้สต๊อกน้ำมันปาล์มที่ปัจจุบันมีอยู่ 4.4 แสนตัน กลับเข้าสู่ภาวะเหลือสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบประมาณ 2-2.5 แสนตัน ให้ได้ภายในสิ้นปีนี้

สำหรับมาตรการอื่น เช่นมาตการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบที่ได้ขออนุมัติวงเงิน 525 ล้านบาท ชดเชยค่าขนส่ง 1.75 บาทต่อกก. เพื่อผลักดันส่งออกน้ำมันปาล์มดิบออกนอกประเทศ 3 แสนตันภายใน 5 เดือน ในเรื่องนี้อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการหาตลาดส่งออกและปัจจัยด้านการแข่งขันเข้ามาเกี่ยวข้องก็ต้องติดตามด้วย

ทั้งนี้ ในส่วนของโรงไฟฟ้าที่จะรับซื้อน้ำมันปาล์ดดิบไปใช้ เบื้องต้นเป็นโรงไฟฟ้าราชบุรีและโรงไฟฟ้าบางประกง

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 20 กระตุ้นให้ใช้น้ำมันดีเซลบี 7 อีกรอบ ซึ่งการใช้ทั้งบี 20 และบี 7 จะช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มออกจากระบบได้อีกเกือบ 6 หมื่นตัน

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการที่จะช่วยแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มทั้งระบบ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกประกาศกำหนดให้โรงงานสกัดรับซื้อผลปาล์มที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันขั้นต่ำ โดยโรงสกัดเอ (ซื้อทั้งปาล์มทะลาย) ต้องซื้อเปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์มขั้นต่ำสูงกว่า 18% ขึ้นไป ส่วนโรงสกัดบี (ซื้อผลร่วง) ต้องซื้อขั้นต่ำสูงกว่า 30% ขึ้นไป หากต่ำกว่านั้นไม่ให้รับซื้อ และหากใครรับซื้อจะมีความผิดทางกฎหมาย

ด้านการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม กระทรวงพาณิชย์ได้ประสานกรมศุลกากรในเข้มงวดตรวจสอบชายแดน ควบคุมการขนย้ายน้ำมันปาล์ม หากพบว่ามีการลักลอบจะใช้กฎหมายจัดการขั้นเด็ดขาด

สำหรับกรณีที่มีกระแสว่ามีการลักลอบนำน้ำมันปาล์มขวดจากต่างประเทศเข้ามาขายในร้านโชว์ห่วย ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ในจังหวัดทางภาคใต้ เรื่องนี้ตนได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ติดตามและตรวจสอบในเรื่องนี้ หากพบว่ามีการประทำจริง ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมกับถอดชื่อร้านค้าดังกล่าวออกจากการเป็นร้านธงฟ้าประชารัฐต่อไป