“สนธิรัตน์” สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการรับคำขอเชิงลึก รวมทั้งข้อกม.ที่เกี่ยวข้อง เพื่อความชัดเจนกับทุกฝ่าย พร้อมเร่งสรุปให้ได้สัปดาห์หน้า

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการรับคำขอจดสิทธิบัตร “สารสกัดจากกัญชา” ของกรมทรัพย์สินทางปัญญาอย่างละเอียด เนื่องจากเป็นการยื่นคำขอมาตั้งแต่ปี 2553 หรือประมาณ 8 ปีที่แล้ว พร้อมขอขอให้ฝ่ายกฎหมายเข้ามาดูเชิงลึกถึงวิธีการพิจารณาคำขอ ขั้นตอนต่างๆ ตามที่มีผู้ให้ข้อคิดเห็นเข้ามา และดูต่อว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง เพื่อให้ขั้นตอนตามกฎหมายเกิดประโยชน์สูงสุด โดยให้เร่งสรุปผลภายในสัปดาห์หน้า

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจ ผมไม่ได้ปล่อยตั้งแต่มีกระแส ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่ดูแลทำการตรวจสอบหาความชัดเจนมา 2-3 วันแล้ว เพราะถือเป็นความรับผิดชอบในการบริหาร ซึ่งทำมาโดยตลอด ตอนนี้พอจะเห็นแนวทางแก้ไขปัญหาแล้ว แต่อย่างไรก็ ขอให้มีความชัดเจนในเรื่องข้อกฎหมายด้วย จึงได้ตั้งคณะกรรมการ และให้ฝ่ายกฎหมายเข้ามาดูอีกครั้ง ซึ่งขอให้ได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า แต่จะตอบตอนนี้เร็วไป ที่จะบอกให้ยกเลิกคำขอได้เลยหรือไม่ ผมขอให้ความชัดเจนก่อน”

อย่างไรก็ตาม การยื่นคำขอนั้นตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งนานมาก ดังนั้นก็ต้องตรวจสอบย้อนไปในช่วงนั้น แต่หากพบว่า เจ้าหน้าที่ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ที่เป็นผู้รับคำขอสิทธิบัตร พบว่ามีความบกพร่องหรือมีความผิด ก็ต้องพิจารณาไปตามขั้นตอน ซึ่งก็ต้องดูว่าขั้นนตอนตามกฎหมายเป็นอย่างไร แต่ก็ต้องพิจารณาถึงสาเหตุและปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ด้วย ไม่ใช่จะพิจารณาตัดสินไปในทันที

นอกจากนี้ ต้องการให้ทุกฝ่ายมีความเข้าใจก่อนว่า คำขอสิทธิบัตรที่เกี่ยวกับสารสกัดจากกัญชา ต้องแยกระหว่างคำขอจดสิทธิบัตรกัญชาที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ และคำขอจดสิทธิบัตรที่ใช้สารสกัดจากกัญชาเป็นส่วนประกอบในการแพทย์ หรือประกอบยา ต้องแยกออกจากกัน โดยขอจดสิทธิบัตรจากกระณีกระแสนี้ คือสารสกัดจากกัญชา ยังไงก็จดไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้ ถ้าเป็นคำขอที่ใช้สารสกัดจากกัญชาเป็นส่วนประกอบ และเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ สามารถยื่นจดได้ และแม้จะได้สิทธิบัตรคุ้มครอง แต่ก็นำมาใช้ในไทยไม่ได้ เพราะกฎหมายไทยยังไม่ปลดล็อกให้ใช้กัญชาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ส่วนการรับจดสิทธิบัตรกรณีใช้สารสกัดจากกัญชามาเป็นส่วนประกอบและก่อให้เกิดเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ยังสามารถทำได้ เพราะเป็นหลักสากล ใครเข้ามายื่นจดก็ต้องรับคำขอไว้พิจารณา และหากได้รับการจดสิทธิบัตร ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะเอาสารสกัดจากกัญชาไปใช่ไม่ได้ นักวิจัยไทย สามารถนำไปใช้วิจัย นำไปคิดค้นได้ และหากได้สูตรใหม่หรือได้สิ่งประดิษฐ์ใหม่ได้ อีกทั้ง นำมายื่นจดสิทธิบัตรได้ แต่ไม่ใช่ไปเอาสูตรเดิมที่ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้วมายื่นจด แบบนี้ไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาของกรมทรัพย์สินทางปัญญาตั้งแต่ก่อตั้งกรมฯ มา คือ การมีคนไม่เพียงพอในการพิจารณาคำขอรับจดสิทธิบัตร และไม่มีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละเรื่อง ทำให้มีปัญหาคำขอสิทธิบัตรคั่งค้าง ดังนั้น เวลามีผู้มียื่นจดสิทธิบัตร เจ้าหน้าที่ก็อาจจะรับคำขอไว้ก่อน หากเป็นคำขอที่ถูกต้อง และส่งต่อคำขอนั้นไปให้ผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรพิจารณาต่อไป ซึ่งกรณีของสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชา เจ้าหน้าที่ก็รับคำขอเอาไว้ และเรื่องก็ดองยาวมาจนถึงปี 2559 เพราะไม่มีผู้ตรวจสอบสิทธิบัตร แต่รัฐบาลชุดนี้ ได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหา เพิ่มผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ก็เลยทำให้คำขอที่ยื่นไว้ตั้งแต่อดีตได้รับการพิจารณา และได้รับการประกาศโฆษณา จนเป็นที่มาของเรื่องนี้