การท่าเรือฯกางแผนใช้งบ 7.3 พันล้าน เดินหน้าลงทุนปี’62

ร้อยตำรวจตรี มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2562 กทท.ได้รับอนุมัติงบลงทุนจำนวนทั้งสิ้น 7,329.438 ล้านบาท ซึ่ง กทท.มีกรอบการเบิกจ่ายเท่ากับ 1,923.383 ล้านบาท โดยคณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา เห็นชอบกรอบและงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2562 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เสนอ พร้อมทั้งกำหนดกรอบการเบิกจ่าย  งบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของวงเงินอนุมัติเบิกจ่ายลงทุนคิดเป็น 1,827.214 ล้านบาท

สำหรับรายละเอียดของงบลงทุนตามแผนปฏิบัติการ ปีงบประมาณ 2562 ของ กทท. มีรายการลงทุนที่สำคัญ กล่าวคือ ในส่วนของท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.) ประเภทเครื่องจักรอุปกรณ์ ได้แก่ งานต่อเรือสำรวจพร้อมอุปกรณ์การสำรวจ จำนวน 2 ลำ (ทดแทนเรือสำรวจ 2 และ 3) ซื้อรถยกตู้สินค้าหนัก (Top Loader) ขนาดยกไม่น้อยกว่า 40 เมตริกตัน แบบจัดเรียงได้ 3 แถว จำนวน 2 คัน (ทดแทน) ซื้อพร้อมติดตั้งเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ และเครื่องสำรองไฟฟ้า (Uninterrupted Power Supply) ซื้อพร้อมติดตั้งระบบจัดเก็บข้อมูล และประเภทสิ่งก่อสร้าง ได้แก่ งานพัฒนาพื้นที่เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการบรรจุตู้สินค้าเพื่อการส่งออก (Exported Container Freight Station) (CFS EXPORT) งานสร้างศูนย์บรรเทาสาธารณภัยของท่าเรือ-กรุงเทพ (Bangkok Port Incident Command Center) งานสร้างอาคารสำนักงานกองบริการ (ปากน้ำ) และอาคารหมวดพัสดุคลังสินค้าที่ 1 ฯลฯ และส่วนของท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ประเภทเครื่องจักรอุปกรณ์ ได้แก่ งานจ้างเหมาต่อเรือลากจูงขนาดกำลังฉุดไม่น้อยกว่า 50 เมตริกตัน จำนวน 2 ลำ (เพิ่มเติม) (ทดแทนเรือท่าเรือ 204, 205) ซื้อพร้อมติดตั้งโคมไฟถนนแบบ LED และปรับปรุงระบบไฟฟ้าแสงสว่างโครงการท่าเทียบเรือขั้นที่ 2 ทลฉ. (ทดแทน) ซื้อพร้อมติดตั้งตู้ตัดตอนไฟฟ้า (Switchgear) สถานีไฟฟ้าย่อยที่ 2 (ทดแทน) ฯลฯ และประเภทสิ่งก่อสร้าง ได้แก่ งานก่อสร้างสถานีไฟฟ้า 115 เควี (ทดแทน) โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ที่ ทลฉ. โครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันแผนการลงทุนดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินการ

ทั้งนี้ กทท.ได้ดำเนินการจัดซื้อ ก่อสร้างตามแผนงานให้เป็นไปตามแผนการลงทุนที่กำหนดไว้ เพื่อให้สามารถผูกพันสัญญาและเบิกจ่ายเงินได้ทันภายในปี 2562 และเบิกจ่ายงบลงทุนได้ตามกรอบการเบิกจ่ายที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการของ กทท. เนื่องจากเป็นการลงทุนโครงการพัฒนาต่างๆ ทั้งการพัฒนาในโครงสร้างพื้นฐานและการให้บริการ

 

 

 


ที่มา มติชนออนไลน์