บีกริมออกหุ้นกู้กรีนบอนด์ ADB หนุนวงเงิน 5,000 ล้าน

“BGRIM” ออกหุ้นกู้ “กรีนบอนด์” 5 พันล้าน ADB หนุน 100% รายแรกของประเทศไทย ผงาดขึ้นแท่นผู้นำพัฒนาพลังงานสะอาดช่วยไทยให้บรรลุเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 20% ภายในปี”73

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ลงนามสัญญาออกหุ้นกู้ “กรีนบอนด์” มูลค่า 5,000 ล้านบาท (155 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทนจาก 10% ขึ้นเป็น 30% ภายในปี 2564 ตามแผนการพัฒนาศักยภาพการผลิตไฟฟ้าของบริษัท

“BGRIM มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมพลังงานมาอย่างยาวนาน ถือได้ว่าเป็นผู้นำในภาคเอกชนรายหนึ่งของประเทศและในระดับภูมิภาค บี.กริมฯต้องการจะมีส่วนร่วมต่อประชาคมโลกในการส่งเสริมให้มีการดูแลสภาพภูมิอากาศของโลก ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และพัฒนาทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรไม่ว่าในด้านการลดมลพิษหรือใช้พลังงานสะอาด จึงได้ริเริ่มออกหุ้นกู้กรีนบอนด์นี้ขึ้น”

ทั้งนี้ หุ้นกรีนบอนด์ ประกอบด้วย หุ้นกู้อายุ 5 ปี และอายุ 7 ปี ถือเป็นครั้งแรกของหุ้นกู้ “กรีนบอนด์” ที่ได้รับการรับรองโดย Climate Bonds Initiative จะออกในประเทศไทย ดังนั้น การที่ได้รับการสนับสนุนเอดีบีมีส่วนสำคัญที่จะช่วยสะท้อนความเชื่อมั่นได้ว่า หุ้นกู้ดังกล่าวมีการจัดทำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับสากล สอดคล้องกับมาตรฐานเกณฑ์การออกพันธบัตรอาเซียนกรีนบอนด์ (ASEAN Green Bond Standards) ที่จะใช้เกณฑ์เดียวกันทั่วภูมิภาคอาเซียนของสมาคมตลาดทุนระหว่างประเทศ (ICMA)

ปัจจุบัน BGRIM มีโรงไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ทั้งหมด 33 แห่ง แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 15 แห่ง โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 15 แห่ง โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 2 แห่ง และโรงไฟฟ้าพลังงานดีเซล 1 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมกว่า 2,045 เมกะวัตต์ และมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาอีกกว่า 1,081 เมกะวัตต์ รวมเป็นจำนวนกำลังการผลิตติดตั้งที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศแล้วขณะนี้ 3,126 เมกะวัตต์

ด้านนายไมเคิล แบร์โรว์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการภาคเอกชน ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เปิดเผยว่า การออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาตลาดพันธบัตรสีเขียว (กรีนบอนด์) ในประเทศไทย ที่สำคัญเงินทุนที่ได้จะนำมาใช้สำหรับโครงการพลังงานทดแทนในประเทศไทย ยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างวิถีสังคมคาร์บอนต่ำเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และยังจะช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ตั้งไว้ 20% ได้โดยไร้ข้อจำกัดของเงื่อนไข ภายในปี 2573

“การลงทุนครั้งนี้สอดรับกับยุทธศาสตร์ใหม่ปี 2073 ของเอดีบี ซึ่งกำหนดว่าอย่างน้อย 75% ของจำนวนการดำเนินงานที่ได้รับความช่วยเหลือของธนาคาร จะช่วยลดผลกระทบและปรับตัวในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้ได้ภายในปี 2573 โดยเอดีบีจัดสรรเงินกู้ 80,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อกิจกรรมปรับปรุงสภาพภูมิอากาศในช่วงปี 2561-2573 ซึ่ง บี.กริมฯนับเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและการเติบโตของสังคมคาร์บอนต่ำในประเทศไทยที่มีบทบาทมากขึ้นในภูมิภาคนี้

โดยเงินทุนที่ได้จากหุ้นกู้กรีนบอนด์นี้จะใช้สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ดำเนินการแล้ว 9 แห่งที่มีกำลังการผลิต 67.7 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 7 แห่งที่กำลังก่อสร้างอยู่ ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมดในประเทศไทยมีกำลังการผลิตรวม 30.8 เมกะวัตต์”

อย่างไรก็ตาม การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนพันธบัตรสีเขียว (กรีนบอนด์) ครั้งที่ 2 ของเอดีบี นับจากปี 2559 ที่ได้สนับสนุนโครงการ พลังงานความร้อนใต้พิภพ Tiwi และ Makban ในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นโครงการเสนอขายพันธบัตรสีเขียวครั้งแรกของประเทศ และสำหรับการลงทุนในหุ้นกู้ครั้งนี้เป็นการติดต่อทางธุรกิจครั้งที่ 3 ระหว่างเอดีบี และ บี.กริม เพาเวอร์

โดยในปี 2560 เอดีบีซื้อหุ้นสามัญ IPO ของ บี.กริม เพาเวอร์ และเมื่อต้นปีนี้เอดีบีได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เพื่อสนับสนุนการขยายสู่ตลาดพลังงานทดแทนทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ บี.กริมฯ

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat
.
หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!