พาณิชย์จัด มหกรรมธงฟ้าลดค่าครองชีพต้อนรับปีใหม่ 2562 – แจงปัญหาไข่ไก่ล้นดันส่งออก

พาณิชย์ จัดงาน “มหกรรมธงฟ้าลดค่าครองชีพต้อนรับปีใหม่ 2562” ช่วยประชาชนลดภาระค่าครองชีพ ขณะที่ปัญหาไข่ไก่ล้นตลาด กรมการค้าภายในเร่งดันส่งออก เพิ่มช่องทางจำหน่ายไข่ไก่สู่ร้านธงฟ้า กิจกรรมธงฟ้า เชื่อ 3 เดือนเข้าสู่ภาวะปกติ

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมธงฟ้า ลดค่าครองชีพต้อนรับปีใหม่ 2562” ขึ้น ระหว่างวันที่ 24 – 27 ธันวาคม 2561 ณ กระทรวงพาณิชย์ ว่า เป็นการจัดขึ้นเพื่อเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนในการซื้อสินค้าราคาถูก ลดค่าครองชีพ โดยมีร้านค้าเข้าร่วมกว่า 250 ร้านค้า ลดราคาตั้งแต่ 20-40% ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน ผู้มีรายได้น้อย รวมทั้ง เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ ได้นำสินค้าที่ผลิตในชุมชนมาจำหน่ายในงานฯ ถือเป็นกิจกรรมที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการจับจ่ายใช้สอย

โดยการจัดงานในครั้งนี้ จะจำหน่ายสินค้าธงฟ้าที่ผลิตในชุมชน สินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป กุ้งขาวจากสมาคมผู้เลี้ยงกุ้งน้ำจืด สินค้า OTOP สินค้า GI เช่น ผ้าไหมแพรวาจากกาฬสินธุ์มาจำหน่ายในราคาธงฟ้า ในราคาต่ำกว่าท้องตลาด นอกจากนี้ ยังมี สินค้า ไข่ไก่ น้ำตาลทราย ข้าวสารหอมมะลิ 100% น้ำมันปาล์ม อย่างไรก็ดี ยังเป็นหนึ่งนโยบายในการดูแลค่าครองชีพประชาชน ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ

ด้านนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า สำหรับปัญหาเรื่องไข่ไก่ต้องยอมรับขณะนี้ไข่ไก่ส่วนเกินที่ล้นตลาดอยู่ที่ 70 ล้านฟอง ซึ่งเกินปริมาณความต้องการซึ่งปกติต้องอยู่ที่ 48 ล้านฟองต่อวัน ดังนั้นเพื่อลดปริมาณส่วนเกินนี้ออกจากตลาด กรมการค้าภายในมี 2 แนวทางในการผลักดันไข่ไก่ออกจากตลาด โดยการส่งออกดดยมองตลาดฮ่องกง เป็นต้น ขณะที่แผนภายในประเทศจะผลักดันสินค้าออกสู่กิจกรรมธงฟ้า และร้านธงฟ้าให้มากขึ้น เพื่อลดปริมาณส่วนเกินและเป็นการกระตุ้นการซื้อและช่องทางการขายมากขึ้น

ปัจจุบันไข่ไก่หน้าฟาร์มจำหน่ายอยู่ที่ 2.30 บาทต่อฟอง ส่วนราคาขายปลีกอยู่ที่ 4 บาทต่อฟอง ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ค้าปลีก กรมการค้าภายในจึงกิจกรรมการเพื่อเข้าแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือ จึงเกิดกิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายไข่ไก่ในกิจกรรมธงฟ้า ร้านธงฟ้าทั่วประเทศและผลักดันการส่งออกด้วย นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็อยู่ระหว่างหาแนวทางลดปริมาณไข่ไก่ลง เพราะไข่ไก่ที่เพิ่มมากขึ้นเป็นผลมาจากพ่อ-แม่ไก่ไข่ ยืนกรงเพิ่มขึ้น ปัจจุบันอยู่ที่ 57 ล้านตัน จึงต้องลดปริมาณลง 50-52 ล้านตัว เชื่อว่าภายใน 3 เดือนสถานการณ์น่าจะดีขึ้น

 

 

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!