พาณิชย์ดึงผู้ประกอบการยุคใหม่ สร้างแรงบันดาลใจทำธุรกิจ ค้นหา DNA ใหม่ SMEs ไทย

นางบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2562 ถือเป็นอีกปีที่มีความเร่งด่วนที่จะต้องพัฒนาผู้ประกอบการไทย กรมฯจึงได้ดำเนินนโยบาย “Local To Global” ซึ่งมุ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศตั้งแต่ระดับฐานรากและยกระดับผู้ประกอบการธุรกิจให้เดินหน้าสู่เวทีการค้าระดับโลก พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลงการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้มีการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายในการสร้างความเป็นธรรมและเท่าเทียมในการทำธุรกิจ ลดการผูกขาดหรืออำนาจเหนือตลาด เพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ดำเนินธุรกิจ ตลอดจนสร้างโอกาสในการค้าการลงทุนให้กับผู้ประกอบการในต่างประเทศให้อยู่ในระดับที่เข้มข้น

​นางบรรจงจิตต์ กล่าวต่อว่า เพื่อให้ผู้ประกอบการทั้งรายเก่าและรายใหม่ได้มีโอกาสเข้าถึงงานบริการของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศให้ได้มากยิ่งขึ้น ล่าสุดจึงได้มอบหมายให้สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือ NEA จัดกิจกรรม “DITP OPEN HOUSE 2019” ภายใต้แนวคิด “ค้นหา DNA ใหม่ SMEs ไทยก้าวไกลอย่างมั่นคง” ขึ้น ซึ่งแนวคิด DNA นั้น สะท้อนแนวทางการสนับสนุนพัฒนาผู้ประกอบการในทุกระดับที่ขณะนี้อยู่ระหว่างกำลังดำเนินการและจะมีขึ้นตลอดทั้งปี ซึ่งประกอบด้วย

• การพัฒนาด้าน Digital Economy กรมฯ ไม่เพียงมุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการมีความรู้และความเข้าใจในเรื่องการค้าในรูปแบบเดิม แต่ยังมุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการได้ใช้ประโยชน์และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันจากการทำธุรกิจผ่านทางออนไลน์อีกด้วย ดังนั้น กรมฯ จึงเร่งดำเนินการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการเพื่อการค้าทั้งรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ โดยได้จัดตั้ง สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่(NEW Economy Academy) หรือ NEA เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการให้สามารถใช้ช่องทางออนไลน์ในการประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• การพัฒนาด้าน New Services ซึ่งเป็นการบริการในรูปแบบใหม่ๆและเข้าถึงผู้ประกอบการได้ง่ายขึ้น อาทิ 1169 DITP Call Center หน่วยงานบริการข้อมูลและความรู้ให้กับผู้ประกอบการทั่วประเทศ ตอบทุกข้อสงสัยพร้อมทั้งแนะนำช่องทางการทำการตลาดให้กับผู้ประกอบการได้ง่ายขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีโครงการที่จะช่วยเพิ่มโอกาสการขยายตลาดให้กับผู้ประกอบการไทยทุกระดับ การพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากผ่านทางออนไลน์ จึงได้พัฒนาแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ เว็บไซต์ thaitrade.com ซึ่งถือเป็นตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบ B2B2c สำหรับผู้ประกอบการไทยในการทำการค้าระหว่างประเทศผ่านช่องทางที่หลากหลาย

• การพัฒนาด้าน Accelerate หรือเครื่องมือในการเร่งความเร็วให้กับผู้ประกอบการในการก้าวสู่ตลาดการค้าระดับนานาชาติ ผ่านการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ อาทิ โครงการ SME Pro active โครงการ TOP THAI BRAND ฯลฯ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถส่งออก พร้อมทั้งแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆได้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยกระตุ้นตัวเลขทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศยังได้ร่วมมือกับองค์กรเครือข่ายพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และอีกหลากหลายหน่วยงาน ซึ่งจะร่วมผนึกกำลังเสริมสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้ใช้ประโยชน์จากบริการต่างๆที่จำเป็นกับการเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน ด้านกฎระเบียบในการนำเข้า-ส่งออก การจัดตั้งธุรกิจ การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในยุคดิจิทัล ฯลฯ

ด้าน นายพรวิช ศิลาอ่อน ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ เปิดเผยว่า การดำเนินงานของ NEA ในปีนี้ได้ปรับบทบาทและภารกิจในการส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการหลากหลายด้าน โดยกำหนดให้ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ ( ถ.รัชดาภิเษก ) ศูนย์ฝึกอบรมหลักพร้อมด้วยคุณสมบัติของการมี Good Location สามารถเดินทางได้สะดวกสบาย อยู่บนใจกลางเมือง และเป็นย่านที่แวดล้อมไปด้วยแหล่งธุรกิจ Good Services บริการต่างๆที่หลากหลายและตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ประกอบการ Good Activities กิจกรรมการฝึกอบรม/การสัมมนาที่เต็มไปด้วยอรรถประโยชน์ตลอดทั้งปี และ Good Programme for Entrepreneur หลักสูตรส่งเสริมการค้าในยุคดิจิทัล ที่จะได้เรียนรู้ ตลอดจนเป็นเสมือนจุดนัดพบระหว่างผู้ประกอบการรายใหม่และรายเก่า เจ้าหน้าที่ วิทยากรผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ รวมถึงทีมงานมืออาชีพ ผู้ที่มีความรู้ มีประสบการณ์ ให้สามารถแบ่งปันแนวความคิดหรือทักษะในด้าน ที่จำเป็น เพื่อให้เกิดกลยุทธ์การทำธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งมั่นใจว่า NEA รัชดาฯ จะเป็นอะคาเดมี่ที่ช่วยเติมเต็มทุกเทคนิคทางธุรกิจได้อย่างเต็มที่ ด้วยเนื้อหาที่เข้มข้น และสามารถนำไปใช้ในทุกตลาดการค้า

​อย่างไรก็ดี ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น จะเห็นได้ว่า NEA ได้ดำเนินกิจกรรมการอบรมและสัมมนาต่างๆ มากกว่า 150 กิจกรรม ซึ่งแต่ละกิจกรรมล้วนแล้วแต่มีความจำเป็นและครอบคลุมทุกเนื้อหา ทุกกลุ่มธุรกิจ ทุกตลาดที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่ ผู้บริหาร รวมไปถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ และการสร้างเครือข่ายการค้า ฯลฯ ทั้งนี้ ยังผลักดันให้ผู้ประกอบการได้มองในมุมที่กว้างขึ้น ตั้งแต่เศรษฐกิจในระดับจุลภาคไปจนถึงมหภาค เพื่อพร้อมก้าวสู่การเป็น Smart Enterprise ที่มีศักยภาพสูง และสำหรับในปี 2562 นี้ NEA ยังคงมุ่งเติมเต็มทุกความรู้ด้านดิจิทัลให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้ได้จริง อาทิ E-Commerce Week หลักสูตรครบเครื่องเรื่องการค้าออนไลน์ กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ในยุคดิจิทัล การค้าออนไลน์และอีคอมเมิร์ซ การเข้าถึงตลาดที่มีศักยภาพ การพัฒนาผู้ประกอบการรายใหม่ การส่งออกต่างประเทศ ฯลฯ ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่าจะผลักดันให้ผู้ประกอบการ และผู้มีความต้องการดำเนินธุรกิจใหม่เข้าร่วมกิจกรรมให้ได้มากกว่า 1 แสนราย พร้อมตอบโจทย์กับความต้องการในตลาดโลกที่กำลังก้าวสู่เศรษฐกิจยุคดิจิทัลได้มากขึ้น

สำหรับ กิจกรรม “DITP OPEN HOUSE 2019” ได้จัดไปเมื่อเร็วๆนี้ โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานจำนวนมาก อาทิ ธุรกิจผลิตภัณฑ์สปาและอโรมา โดยคุณศรีริต้า เจนเซ่น ธุรกิจอาหารเสริม โดยคุณนาคร-กษมา ศิลาชัย ธุรกิจอาหารเสริม โดยดีเจเพชรจ้า ฯลฯ สำหรับผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โทรศัพท์ 02 507 8157 หรือ www.nea.ditp.go.th ,facebook.com/nea.ditp