เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ สรุปผลการระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลตั้งแต่เดือน พ.ค. 57-ธ.ค. 61 รวม 16.84 ล้านตัน มูลค่ารวม 145,080 ล้านบาทลดภาระค่าเก็บรักษาข้าวเดือนละกว่าพันล้านบาท และกำจัดอุปทานส่วนเกินที่เคยกดทับตลาด และราคาข้าวไทยให้หมดไป ส่งผลให้ปี 2561 ส่งออกข้าวได้ตามเป้าหมาย 11.13 ล้านตันมูลค่า 5,623 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 180,413 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า ส่งผลดีต่อราคาข้าวเปลือกในประเทศ ส่วนเป้าหมายในปี 2562 คาดว่าปริมาณจะลดลงจากปี”61 เล็กน้อยแต่จะมุ่งส่งเสริมการส่งออกข้าวคุณภาพสูง และสินค้านวัตกรรมจากข้าวให้มากขึ้น
ส่วนความคืบหน้าการส่งมอบข้าวแบบ G to G ขณะนี้เตรียมเจรจาลอตที่ 8 หลังจากนี้กรมจะเร่งเจรจาตกลงราคาข้าวที่เหลือให้ครบ 1 ล้านตันตามสัญญาภายในปี 2562
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า การขายข้าว 16.84 ล้านตัน เฉลี่ยได้ราคาตันละ 8,615 บาท ขาดทุนตันละ 15,385 บาท จากต้นทุนข้าวสารโครงการรับจำนำตันละ 24,000 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม เท่ากับ 259,083 ล้านบาท
รศ.ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ระบุว่า ยังไม่สามารถสรุปตัวเลขขาดทุนโครงการรับจำนำได้ เพราะ ข้าวจากโครงการรับจำนำทั้งหมดมี 18 ล้านตันขายได้ 16.84 ล้านตัน ยังเหลืออีก 1 ล้านตันเศษ ซึ่งเป็นข้าวที่ติดคดีความ ข้าวนอกบัญชี และข้าวที่มีปัญหาประมูลแล้วไม่มารับมอบ หากรวมทั้งหมดเทียบกับปริมาณข้าวที่รับจำนำมาทั้งหมดในรัฐบาลยุคก่อน ผลการขาดทุนสูงกว่า 259,083 ล้านบาทแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุใดเมื่อมาตรวจสอบคุณภาพข้าวก่อนประมูลแล้วเอกชนยังอ้างว่าสินค้าไม่ได้ตามมาตรฐานรับมอบไม่ได้
ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat
หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!
