นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวภายหลังประชุมหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ สาขาต่างประเทศ) ทั้ง 14 แห่ง ว่า ได้มอบนโยบายให้บีโอไอใช้ความโดดเด่นของประเทศไทย เพื่อดึงความสนใจและการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศเข้ามา โดยสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งเรื่องการประชาสัมพันธ์ โฆษณา ที่ต้องมีเนื้อหา ให้มีทางปฏิบัติที่ชัดเจนเพื่อนำไปสู่เป้าหมายการบริการหลังการลงทุน เช่น จะชักจูงนักลงทุนประเทศจีนอย่างไร ชักจูงนักลงทุนญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆอย่างไร
“เราต้องรู้ว่านักลงทุนเขาดูอะไรเพื่อตัดสินใจก่อนลงทุน การเมือง เศรษฐกิจใช่หรือไม่ หรือจะมีปัจจัยอื่นอีก และวันที่ 11-13 ก.ย.2560 อย่างที่กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม (เมติ) ประเทศญี่ปุ่น จะนำนักลงทุนเดินทางมาไทย 500 คนนั้น จะมีลงพื้นที่ดูเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วย เราจะทำอย่างไรให้นักลงทุนเห็นภาพเหล่านี้เรื่องความพร้อมและให้ทั่วโลกเห็นภาพเดียวกัน เมื่อเรามีหลักการตลาดใช้ของจริงพูดแทนเราเราก็จะใช้โมเดลนี้ทำกับทุกประเทศ”
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
ขณะเดียวกันให้แม้ว่าเป้าหมายของประเทศคือเรื่องของ 10 อุตสาหกรรม (S-Curve) แต่ยังจำเป็นที่ต้องหันมาเน้นภาคการเกษตรเพื่อไปสนับสนุนอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ซึ่งหากมีการลงทุนเข้าจะต้องมีการกำหนดให้ใช้วัตถุดิบเกษตรในประเทศ นั่นจึงจะทำให้สินค้าเกษตรได้กำไรขึ้น ทั้งนี้ให้เร่งภาคการบริการท่องเที่ยวมาเป็นตัวนำสร้างทั้งรายได้และการลงทุนโดยหยิบเอาทั้งจุดเด่น เกษตร เทคโนโลยีไฮเทค และเอาเรื่องของอินเตอร์เน็ต อีคอมเมิร์ซเข้ามา เพื่อจะดันเมืองรองเป็นจุดท่องเที่ยวภายใต้นโยบาย Creative Industry
“ฐานเดิมเรามีอยู่แต่เพิ่มความเข้ม วางกำลังพลให้พร้อม ครึ่งปีหลังต้องเห็นภาพการลงทุนที่ชัด อย่ารอกำลังคนเพราะเป้าหมายไม่เปลี่ยนมีแต่จะเพิ่ม บีโอไอต้องเร่ง”
นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการสำนักงานคระกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า รับนโยบายจากรองนายกฯสมคิด และจะนำเสนอแพคเกจการลงทุนสำหรับอุตสาหกรรมการเกษตรและการท่องเที่ยว เข้าบอร์ดบีโอไอเดือน ก.ย. นี้