
“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดศูนย์บริหารแรงงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 3 ชลบุรี อ.เมืองชลบุรี พร้อมเยี่ยมชมกิจกรรมความร่วมมือในการพัฒนาแรงงาน เยี่ยมชมศูนย์ฝึกอบรมเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์ กิจกรรมนัดพบแรงงาน และมหกรรมอาชีพ โดยมี “พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมผู้บริหารและข้าราชการ กระทรวงให้การต้อนรับ
“พล.อ.ประวิตร” กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดให้เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก อีอีซี เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี และนโยบายประเทศไทย 4.0 โดยมุ่งเน้นการพัฒนา 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมถึงอุตสาหกรรมและบริการที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลิต เพื่อเพิ่มผลิตภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
- บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มใช้ 1 เม.ย.66 รับเงินคนละกี่บาทต่อเดือน เช็กที่นี่
- กรมอุตุนิยมวิทยาเตือน 28 จังหวัด พายุฤดูร้อนถล่ม-ฟ้าผ่า-ลูกเห็บตก
- โปรดเกล้าฯ ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา กลับเข้าดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.
ทั้งนี้ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ตอบโจทย์การพัฒนาของพื้นที่อีอีซี เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายของรัฐบาล โดยการบริหารจัดการด้านแรงงานในพื้นที่ดังกล่าวจำเป็นต้องมีข้อมูลความต้องการแรงงาน เพื่อมาจับคู่คนเข้ากับงาน ตลอดจนกำหนดทิศทางการพัฒนาคนและทักษะอาชีพของกำลังแรงงานให้มีคุณภาพสูง เป็นแรงงานคุณภาพ (Super Worker) และสามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ศูนย์บริหารจัดการแรงงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จะเป็นศูนย์ที่สามารถอำนวยความสะดวกด้านแรงงานให้แก่นายจ้าง นักลงทุน ผู้ประกอบการ และแรงงาน ได้อย่างรวดเร็วและเบ็ดเสร็จ พร้อมทั้งตอบสนองความต้องการของทุกภาคส่วนด้านแรงงานได้อย่างแท้จริง เพื่อตอบรับความต้องการด้านแรงงานของสถานประกอบการกว่า 37,000 แห่ง และแรงงานกว่าหนึ่งล้านห้าแสนคน
“พล.ต.อ.อดุลย์” กล่าวเสริมว่า กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลัก ในการร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา จัดทำฐานข้อมูลเพื่อทำแผนปฏิบัติการในการให้บริการด้านแรงงานที่ครอบคลุม ทั้งการจัดหาแรงงาน การพัฒนาฝีมือแรงงาน สวัสดิการแรงงานและความปลอดภัยในการทำงาน และประกันสังคม อำนวยความสะดวกให้แก่นายจ้างและนักลงทุนในพื้นที่เพื่อตรวจลงตรา VISA และขอใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบกิจการที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่อีอีซี
ทั้งนี้ได้กำหนดมาตรการขับเคลื่อนเป็น 3 ระยะ ได้แก่
1) ระยะเร่งด่วน จัดหาแรงงานที่ขาดแคลนในพื้นที่ EEC จำนวน 14,767 อัตรา ให้กับสถานประกอบกิจการกว่า 1,000 แห่ง ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ สำนักงาน EEC ในการสำรวจความต้องการ
2) ระยะกลาง 1-5 ปี สำรวจความต้องการแรงงาน ส่งเสริมให้สถานประกอบการพัฒนาทักษะบุคลากรของตนเองกว่า 580,000 คน มุ่งเน้นให้แรงงานมีความเท่าทันความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในอนาคต
และ 3) ระยะยาว 5-10 ปี จัดให้มีระบบฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงการจัดหางานกับตัวบุคคล ปรับเปลี่ยนกระบวนการพัฒนาคนของประเทศทั้งระบบ ตั้งแต่กระบวนการคิด การเรียนการสอน การฝึกอบรม ไปจนถึงการทำงานที่ตอบโจทย์ความต้องการของแรงงาน
ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการด้านแรงงานในพื้นที่อีอีซีอย่างเป็นระบบ เพิ่มศักยภาพแรงงาน ด้วยการฝึกอบรม และเพิ่มทักษะ ในสาขาวิชาชีพเป้าหมายให้เป็นแรงงานที่มีคุณภาพ สามารถใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการจัดตั้งศูนย์นี้จะช่วยผลักดันให้นโยบายดังกล่าวเป็นรูปธรรม สร้างโอกาสการขับเคลื่อนพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกให้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาคในอนาคตอันใกล้