กรมการค้าภายในจับจริง! หลังพบการฉวยโอกาสขึ้นราคาหน้ากากอนามัย ย่านลาดพร้าว อนุเสาวรีย์ฯ

ภาพจาก แฟ้มภาพ
กรมการค้าภายใน จับจริงหลังพบมีการฉวยโอกาสขึ้นราคาขายหน้ากากอนามัย ย่านลาดพร้าว อนุเสาวรีย์ฯ หลังมีการร้องเข้ามา 1569

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสถานการณ์การจำหน่ายหน้ากากอนามัย ตามที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผ่านสายด่วน 1569 อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ดำเนินดคีกับผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยราคาแพงเกินจริง จำนวน 2 ราย โดยร้านแรกเป็นร้านขายยา ย่านถนนลาดพร้าว ซอย 9 แขวงจอมพล เขตจตุจักร ได้รับร้องเรียนว่าร้านขายยาดังกล่าวจำหน่ายหน้ากากอนามัย N95 ราคา 90 บาท เห็นว่าจำหน่ายราคาแพง ฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภค และร้านที่สอง ร้านขายยาย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถนนราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี ได้รับร้องเรียนว่า จำหน่ายหน้ากากอนามัย N95 ราคา 191 บาท และไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายปลีก เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการตรวจสอบตามข้อร้องเรียนดังกล่าว

“จากการตรวจสอบพบการกระทำผิดจริงตามมาตรา 29 ตาม พ.ร.บ.ราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ที่ห้ามมิให้ผู้ประกอบการธุรกิจดำเนินการใดๆ จงใจหรือจะทำให้ราคาสูงเกินสมควร หรือทำให้เกิดความปั่นป่วน ซึ่งราคาของสินค้า และมีโทษตามมาตรา 41 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยกรมฯ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน และสถานีตำรวจนครบาลพญาไท ตามลำดับ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายไปแล้ว”

ทั้งนี้ กรมฯ ขอฝากถึงผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัย ไม่ควรฉวยโอกาสเอาเปรียบประชาชน ที่มีความต้องการซื้อหน้ากากอนามัยไปใช้ในการป้องกันสุขภาพในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ เพราะหากตรวจสอบพบจะดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย และหากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายที่ไม่เป็นธรรมก็ให้แจ้งมาที่สายด่วน 1569 จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบทันที หากพบผิดก็จะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด

นายวิชัย กล่าวอีกว่า สำหรับผู้บริโภคที่ต้องการซื้อหน้ากากอนามัย และหาซื้อไม่ได้ ให้มาซื้อที่กระทรวงพาณิชย์ (สนามบินน้ำ) บริเวณหน้าไปรษณีย์ ฝั่งโรงอาหารสวัสดิการ 2 โดยจะจัดจำหน่ายทุกวันจันทร์-ศุกร์ วันละ 2.5-3 หมื่นชิ้น โดยจำหน่ายแบบ N95 ในราคาชิ้นละ 30 บาท จำกัดการซื้อไม่เกินคนละ 5 ชิ้น และแบบธรรมดา 5 บาท จำกัดการซื้อคนละ 10 ชิ้น ซึ่งกรมฯ อยากจะขอความร่วมมือประชาชนซื้อแต่พอใจ ไม่ใช่ซื้อไปจนเกินความจำเป็น เพราะจะยิ่งซ้ำเติมทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนได้

นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้เร่งรัดให้ผู้ผลิตเร่งผลิตสินค้า และเร่งจัดส่งเข้าสู่ร้านค้าต่างๆ รวมทั้งขอให้ห้างสรรพสินค้าที่เตรียมจัดส่งหน้ากากอนามัยไปยังสาขาในต่างจังหวัดให้ชะลอการจัดส่ง และนำมาจำหน่ายในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน หรือหากจัดส่งไปแล้ว ก็ขอให้นำกลับมาขาย เพื่อรองรับความต้องการซื้อของประชาชน