กรมการค้าต่างประเทศเตรียมยกเลิกประกาศคุมนำเข้าปลาทูน่าชนิดครีบเหลืองและผลิตภัณฑ์ หลัง ครม.ไฟเขียวให้เลิกใช้

กรมการค้าต่างประเทศเตรียมยกเลิกประกาศคุมนำเข้าปลาทูน่าชนิดครีบเหลืองและผลิตภัณฑ์ หลัง ครม.ไฟเขียวให้เลิกใช้ เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานภาครัฐ ให้อยู่ภายใต้กฎหมายของกรมประมงเพียงแห่งเดียว และเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ประกาศและระเบียบกระทรวงพาณิชย์ที่กำกับดูแลการนำเข้าสินค้าปลาทูน่าชนิดครีบเหลืองและผลิตภัณฑ์ พ.ศ.2537 ซึ่ง ครม.ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และขณะนี้ กรมฯ กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการยกเลิกประกาศและระเบียบดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องกับมาตรการของกรมประมง โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในเร็วๆ นี้

ปัจจุบันกรมประมงมีมาตรการควบคุมตรวจสอบการนำเข้าสินค้าปลาทูน่าและผลิตภัณฑ์ ภายใต้พระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 และพระราชกำหนดการประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 ที่ตราขึ้นเพื่อป้องกันการทำประมงที่ผิดกฎหมายรองรับระเบียบ IUU Fishing (Illegal, Unreported and Unregulated Fishing) โดยกำหนดให้ผู้นำเข้าสินค้าดังกล่าวจะต้องขออนุญาตนำเข้าจากกรมประมง ซึ่งการอนุญาตจะทำได้เฉพาะเมื่อมีใบรับรองการจับสัตว์น้ำหรือเอกสารอื่นใดที่แสดงว่าสัตว์น้ำนั้นได้มาจากการทำประมงโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งครอบคลุมเงื่อนไข เรื่อง การป้องกันการจับปลาทูน่าครีบเหลืองที่เป็นอันตรายต่อปลาโลมาด้วย

“การปลดล็อกดังกล่าว จะเป็นการลดความซ้ำซ้อนในการบังคับใช้กฎหมาย โดยต่อไปการขออนุญาตจะไปอยู่ที่กรมประมงเพียงแห่งเดียว ทำให้ไม่เป็นภาระแก่ผู้ประกอบการ” นายอดุลย์กล่าว

ทั้งนี้ ในแต่ละปีไทยนำเข้าปลาทูน่าสด/แช่เย็น/แช่แข็งปริมาณ 700,000-760,000 ตัน มูลค่า 41,000-45,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 97% ของปริมาณการนำเข้ารวม โดยนำเข้าชนิดหรือสายพันธุ์ท้องแถบ (Skipjack) มากที่สุด คิดเป็น 70% รองลงมา คือ พันธุ์ครีบเหลือง (Yellow Fin) พันธุ์ครีบยาว (Albacore) และพันธุ์ตาโต (Big Eye) ตามลำดับ

สำหรับประกาศกระทรวงพาณิชย์ดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์ได้ออกประกาศและระเบียบกระทรวงพาณิชย์ที่กำกับดูแลการนำเข้าสินค้าปลาทูน่าชนิดครีบเหลืองและผลิตภัณฑ์ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 มีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการป้องกันการทำลายปลาโลมาอันเนื่องมาจากการจับปลาทูน่าดังกล่าว รวมทั้งเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการกีดกันทางการค้าจากประเทศคู่ค้าที่ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ซึ่งมาตรการดังกล่าวกำหนดให้ผู้นำเข้าปลาทูน่าชนิดครีบเหลืองและผลิตภัณฑ์ต้องมีหนังสือรับรองจากกรมประมงไปแสดงต่อกรมศุลกากรว่าสินค้าดังกล่าวไม่ได้มาจากการทำประมงด้วยอวนล้อมบริเวณเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิคตะวันออกที่เป็นอันตรายต่อปลาโลมา

ผู้ประกอบการที่นำเข้าสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กองบริหารการค้าสินค้าทั่วไป โทร 02-547-5120 หรือสายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!