GPSC ติดเครื่องเดินหน้าลงทุนผลิตไฟฟ้า 250 MW เติบโตพร้อมกลุ่ม ปตท.

คณะกรรมการ GPSC ไฟเขียวลงทุน 757 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ ในหน่วยผลิตไฟฟ้า (ERU) 250 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 175 ตันต่อชั่วโมง ให้กับโครงการ CFPของบมจ.ไทยออยล์ โดยจะดำเนินการผ่านบริษัทย่อย คาดก่อสร้างแล้วเสร็จไตรมาส 3ปี 2566

นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่าเมื่อวานนี้ (21 มกราคม 2562) คณะกรรมการ GPSC ได้มีมติเห็นชอบแผนการลงทุนในหน่วยผลิตไฟฟ้า (Energy Recovery Unit : ERU) ซึ่งมีกำลังผลิตไฟฟ้า 250 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 175 ตันต่อชั่วโมง ให้กับโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP) ของ บมจ.ไทยออยล์ มูลค่าลงทุน 757 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ

“โครงการ CFP ของไทยออยล์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และขยายกำลังการกลั่นน้ำมันเป็นระดับ 4 แสนบาร์เรล/วัน และในโครงการนี้ ERUเป็นหน่วยผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ ซึ่งจะใช้กากน้ำมันที่เป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ของโครงการ CFPเป็นเชื้อเพลิงในการผลิต เพื่อลดภาระการลงทุนโครงการ CFP ไทยออยล์จึงจัดหาผู้ลงทุนแทนการลงทุนจัดสร้างเองทั้งหมด ซึ่ง GPSC ได้รับความไว้วางใจในการพัฒนาโครงการ ERU มาตั้งแต่โครงการ CFP ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาออกแบบ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจสาธารณูปโภค โดยการลงทุนโครงการ ERU ในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มโอกาสการสร้างการเติบโตในธุรกิจจากเชื้อเพลิงในรูปแบบที่แตกต่างออกไป” นายชวลิตกล่าว

สำหรับการพัฒนาหน่วยผลิตไฟฟ้าหรือ ERU ดังกล่าว GPSC จะดำเนินการผ่านบริษัทย่อยที่ GPSC ถือหุ้น 100% ส่วนพื้นที่ตั้ง ERU จะเป็นสัญญาเช่าช่วงจากไทยออยล์และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างหลังมีการลงนามในสัญญา โดยก่อสร้างจะใช้ระยะเวลาทั้งสิ้นประมาณ 58 เดือน หรือคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 ซึ่งแผนลงทุนครั้งนี้ เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในการเติบโตไปพร้อมกับกลุ่ม ปตท. สร้างโอกาสการต่อยอดธุรกิจการผลิตไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงแตกต่างไปจากเดิม เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานในอนาคต

นายชวลิตกล่าวว่า แผนการลงทุนครั้งนี้จะทำให้ GPSC มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 1,955 เมกะวัตต์ ไอน้ำรวมประมาณ 1,585 ตันต่อชั่วโมง ซึ่งในปี 2562 GPSC มีแผนเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (COD) ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว ได้แก่ โรงไฟฟ้าน้ำลิก 1 (NL1PC) ขนาดกำลังการผลิต 65 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้า ไซยะบุรี (XPCL) กำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ รวมทั้งโรงผลิตสาธารณูปการระยองแห่งที่ 4 กำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง และโรงผลิตสาธารณูปโภค 3 (CUP-3) ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) โรงไฟฟ้าประเภทพลังงานระบบโคเจนเนอเรชั่น ขนาดกำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ สามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ภายในปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามเงื่อนไขบังคับให้แล้วเสร็จในปีนี้ สำหรับปี 2563 มีโครงการส่วนต่อขยายของโรงไฟฟ้า นวนคร (NNEG) กำลังผลิต 60 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 10 ตันต่อชั่วโมง ที่จะพร้อมเริ่มจ่ายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้าได้ ซึ่งขณะนี้ทุกโครงการมีความคืบหน้าในการพัฒนา และมั่นใจว่าสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้