กรมการค้าต่างประเทศ เผย การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน ปี 61 โต 6% ตั้งเป้า ปี 62 เพิ่ม 15 %

กรมการค้าต่างประเทศ เผย การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน ของปี 2561 โต 6% มูลค่า 1,392,629 ล้านบาท ชี้การค้าชายแดนมาเลเซียครองแชมป์อันดับหนึ่ง ส่วนการค้าผ่านแดนจีนตอนใต้สูงสุด ปี 62 จัดเต็มกิจกรรมตั้งเป้า มูลค่า 1.6 ล้านล้านบาท เพิ่ม 15%

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า มูลค่าการค้าชายแดนและผ่านชายแดน ของปี 2561 มูลค่า 1,392,629 ล้านบาท ขยายตัว 6% โดยเป็นการส่งออก 778,292 ลดลง 0.76% และการนำเข้า 614,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.87 % เกิดดุลการค้า 163,954 ล้านบาท

โดยแบ่งเป็นการค้าชายแดน มูลค่า 1,124,673 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.01% เป็นการส่งออก 650,909 ล้านบาท ลดลง 0.54% และการนำเข้า 473,764 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.99% เกินดุลการค้า 177,145 ล้านบาท ส่วนมูลค่าการค้าผ่านแดน 267,956 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.68% เป็นการส่งออก 127,383 ล้านบาท ลดลง 1.91% และการนำเข้า 140,573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.24% ขาดดุลการค้า 13,191 ล้านบาท

ทั้งนี้ สถิติการค้าชายแดนแยกเป็นรายประเทศ พบว่า การค้ามาเลเซียยังคงเป็นอันดับหนึ่ง มูลค่า 571,928 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.29% เป็นการส่งออก 293,808 ล้านบาท ลดลง 5.97% และการนำเข้า 278,120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.29% ตามมาด้วย สปป.ลาว มูลค่า 213,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.17% เป็นการส่งออก 128,867 ล้านบาท ลดลง 1.83% และการนำเข้า 84,752 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.83% เมียนมา มูลค่า 193,327 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.88% เป็นการส่งออก 105,212 ล้านบาท ลดลง 3.45% และการนำเข้า 88,114 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.92% และกัมพูชา มูลค่า 145,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.39% เป็นการส่งออก 123,022 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.93% และการนำเข้า 22,778 ล้านบาท ลดลง 3.24%

ส่วนสถิติการค้าผ่านแดน พบว่า การค้าจีนตอนใต้เป็นอันดับหนึ่ง มูลค่า 103,451 ล้านบาท รองลงมา สิงคโปร์ มูลค่า 86,195 ล้านบาท และเวียดนาม มูลค่า 78,310ล้านบาท

นายอดุลย์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยสำคัญที่จะส่งพบกระทบต่อการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน คือ สงครามการค้า ภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวน ความไม่มีเสถียรภาพของค่าเงินในภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศเมียนมา เพราะมูลค่าเงินจ๊าดอ่อนตัว ทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้น การส่งออกยางพารา ไปมาเลเซีย ลดลง เนื่องจาก ภาคใต้มีภาวะฝนตกทำให้ไม่สามารถ กรีดยางไม่ค่อยได้ และการย้ายฐานผลิตเข้าไปอยู่ในประเทศนั้นๆ ส่งผลให้ความจำเป็นในการนำสินค้าเข้าประเทศลดน้อยลง

อย่างไรก็ตาม สำหรับ ปี 2562 ทางกรมฯ ยังมีการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการค้าชายและการค้าผ่านแดน คือ โครงการ YEN –D โดยจะเน้นเขตชายแดนเป็นหลัก ซึ่งจะขยายจากเดิมที่สร้างเครือข่ายผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทย โดยจับคู่ระหว่างไทยกับ กัมพูชา เป็นโครงการ YEN-D จังหวัดสระแก้ว โดยการนำคนจากชายแดนกัมพูชามาเรียนกับคนไทย โครงการ YED-D ไทย กับ เวียดนาม ซึ่งทางกรมฯ มีเป็นการจับมือ กับ กลุ่มสนุก มี 3 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร มุกดาหาร นครพนม สิ่งพิเศษในกลุ่ม โดยจะนำคนเวียดนามที่เป็นพันธมิตรกับ กลุ่มสนุก มาเรียนกับคนไทย โดยจะมุ่งเน้นคนไทย เชื้อสายเวียดนาม โครงการ YED-D ภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจ LIMEC ประกอบด้วย หลวงพระบาง อินโดจีน และเมาะลำไย เพื่อเชื่อมโยงจังหวัดภาคเหนือตอนล่างของไทย ประกอบด้วย อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก เลย ของสปป.ลาว คือ แขวงไชยบุรี หลวงพระบาง ปากหลาย และภูดู่ ส่วนเมียนมา คือ รัฐกระเหรี่ยงและรัฐมอญ และ โครงการ YEN-D ไทยกับ CLMV เป็น YED –D Plus ขยายไปสู่ มาเลเซีย เชื่อมโยงกับอินโดนิเซีย

นอกจากนี้จะมีการจัดงานมหกรรมการค้าชายแดน 4 ภูมิภาค โดยเริ่มที่จังหวัดสระแก้ว ช่วงวันที่ 30 – 31 มกราคม ต่อด้วย จังหวัดนราธิวาส จังหวัดเชียงราย และมุกดาหาร ซึ่งจะเน้นการนำจากจัดอบรมให้ความรู้กับผู้ประกอบการชายแดน เกี่ยวกับการให้บริการ พัฒนาความสามารถเรื่องการค้ากับเพื่อนบ้าน เป็นต้น โดยกรมฯ หวังว่าโครงการดังกล่าวสามารถขับเคลื่อนการค้าชายแดน ปี 2562 ให้เป็นไปตามเป้าที่หวังไว้