ธุรกิจลุ้นตัวโก่งรัฐบาลใหม่ กุมขมับ”นโยบายเปลี่ยน” จี้เร่งลงทุนเมกะโปรเจ็กต์

นักธุรกิจคาดผลการเลือกตั้งหลังรัฐบาลใหม่ ไฟต์บังคับต้องลงทุนเมกะโปรเจกต์-EEC ต่อเนื่อง ดันเศรษฐกิจประเทศโต คีรี-เจ้าพ่อรถไฟฟ้าพร้อมประมูลสู้ทุกโครงการ ซิโน-ไทยมั่นใจลงทุนไทย-ต่างชาติจะลงสนาม ค่ายสหพัฒน์ลุ้นรัฐบาลใหม่มีฝีมือดี บีกริมรับมือไหวอยู่ไทยมา 141 ปี สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดลุ้น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” โตโยต้า-หวังสงบ ค่ายรถกุมขมับหวั่นนโยบายเปลี่ยน

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 ในวันที่ 24 มีนาคม คาดว่าจะสามารถประกาศผลการเลือกตั้งได้ภายใน 45 วัน คือประมาณปลายเดือนเมษายน และรับรองผลการเลือกตั้ง 95% ภายใน 9 พฤษภาคม จึงเป็นที่คาดหมายไทม์ไลน์การเลือกประธานรัฐสภา, เลือกนายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ไว้ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ดังนั้นหากไม่มีอุบัติเหตุทางการเมือง ในเดือนมิถุนายน ประเทศไทยจะมีรัฐบาลใหม่บริหารประเทศ

 

BTSมั่นใจโครงการใหญ่เดินหน้า 

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง (BTS) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า รัฐบาลปัจจุบันค่อนข้างให้ความสำคัญกับการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ด้านระบบโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่ง ไม่ว่ารถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง สนามบิน มอเตอร์เวย์ ก็หวังว่ารัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศหลังจากเลือกตั้งเสร็จแล้วจะไม่เปลี่ยนแปลง จะเดินหน้าประมูลก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ อะไรที่ไม่ถูกต้องก็ทำให้ถูกต้องเสีย ต้องยึดประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก

“ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ๆ จะได้รับการผลักดัน เพราะเป็นการลงทุนที่สำคัญของประเทศให้เจริญก้าวหน้า ซึ่งบีทีเอสพร้อมจะลงประมูลทุกโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับอินฟราสตรักเจอร์ เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม รถไฟฟ้าภูเก็ตและเชียงใหม่ ระบบเก็บเงินค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี และบางปะอิน-โคราช”

นายคีรีกล่าวอีกว่า สำหรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสทั้งโครงการจะรวมถึงส่วนต่อขยายสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่บริษัทรับจ้างเดินให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) และอยู่ระหว่างพิจารณาร่วมกันจะเก็บตามระยะทางในเบื้องต้น กทม.กำหนดอัตราสูงสุดไว้ไม่เกิน 65 บาท จากผลศึกษา 144 บาท หากรัฐบาลใหม่มองว่าเป็นอัตราที่แพงเกินไป ทางบริษัทก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพื่อทำให้รถไฟฟ้าสายสีนี้ดีที่สุด

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น กล่าวว่า มั่นใจว่าการลงทุนของภาคเอกชนทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติจะมีการเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน ขณะที่การลงทุนของภาครัฐ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนรัฐบาล แต่ก็เชื่อว่าการลงทุนของภาครัฐก็คงจะมีต่อไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งรถไฟฟ้า ทางคู่ หรือโครงการในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เนื่องจากประเทศยังต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอีกจำนวนมาก เพื่อรองรับกับการพัฒนาและการลงทุนของภาคเอกชนด้วย แม้ว่าช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลอาจจะมีความล่าช้าของโครงการไปบ้าง แต่ไม่น่าจะมากนัก

 

สหพัฒน์ลุ้นฝีมือรัฐบาลใหม่

นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในเครือสหพัฒน์ ฉายภาพกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เศรษฐกิจและกำลังซื้อในช่วงก่อนการเลือกตั้งจะส่งผลให้เศรษฐกิจในระยะสั้นมีแนวโน้มดีขึ้น สังเกตได้จากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากความเชื่อมั่นของนักลงทุน

“ในช่วงหลังเลือกตั้ง หากได้รัฐบาลที่มีฝีมือเข้ามาบริหารงานก็จะส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจของสหพัฒน์ขณะนี้ยังไม่มีแผนการลงทุนใหม่ ๆ คาดว่าจะต้องรอดูทิศทางของเศรษฐกิจหลังการเลือกตั้ง ว่าจะส่งผลให้ผู้บริโภคกลุ่มรากหญ้ากลับมามีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นหรือไม่ และหากเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว บริษัทก็จะเดินหน้าปรับแผนการดำเนินธุรกิจในระยะยาวต่อไป” นายบุญชัยกล่าว

นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มซีโอแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในเครือเซ็นทรัล ในฐานะประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวดีขึ้น ประกอบกับมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหลาย ๆ ด้านออกมา เมื่อรวมปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นแล้วก็จะทำให้ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกปีนี้จะโตได้อีก 3% จากตลาดค้าปลีกโดยรวมที่มีมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท เช่นเดียวกับบรรยากาศโดยรวมของประเทศจะดีขึ้น ทั้งในแง่ของความเชื่อมั่นและการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค

ค่ายรถห่วงนโยบายไม่ต่อเนื่อง

นายมิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ระบบการเลือกตั้งถือเป็นเรื่องที่ดีมาก และพร้อมจะสนับสนุนไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ในฐานะนักลงทุนคาดหวังที่จะเห็นความสงบเรียบร้อย รวมถึงความต่อเนื่องของนโยบายที่ดี ๆ ต่อไปเช่นเดียวกับแหล่งข่าวจากหอการค้าญี่ปุ่นกล่าวเสริมว่า สิ่งที่นักลงทุนกังวล นอกจากความไม่ต่อเนื่องของนโยบายรัฐบาล ยังเป็นห่วงนโยบายใหม่ที่ออกมา ซึ่งรัฐบาลดำเนินการโดยที่ประชาชน นักธุรกิจ นักลงทุนไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือถูกสอบถามความคิดเห็นก่อน

คาดได้รัฐบาลเสียงข้างน้อย 

นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยว่า ในระยะสั้นเชื่อว่าปัจจัยการเลือกตั้งจะเป็นประเด็นที่หนุนเศรษฐกิจได้ อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามดูเศรษฐกิจในช่วงหลังเลือกตั้ง คาดว่าในปลายปีที่จะมีการเบิกจ่ายจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมาช่วยหนุนเศรษฐกิจได้

“จากกลไกการเลือกตั้งแบบใหม่ ทำให้มีโอกาสน้อยที่จะได้รัฐบาลเสียงข้างมาก ดังนั้นการจัดตั้งรัฐบาลอาจต้องการพรรคขนาดกลางเข้ามาร่วมด้วย เรามองว่าหากได้รัฐบาลที่มาจากขั้วอำนาจเดิม นโยบายต่าง ๆ ที่ดำเนินมาอาจสานต่อได้ง่าย แต่จะไม่มีการริเริ่มใหม่ ๆ ในทางกลับกัน หากได้รัฐบาลที่มาจากอีกขั้วอำนาจหนึ่ง อาจเห็นนโยบายใหม่ ๆ แต่เชื่อว่านโยบายเดิมที่รัฐบาลชุดปัจจุบันทำไว้ยังสามารถสานต่อผ่านยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่วางไว้” นายทิมกล่าว

ลุ้น ธปท.ขึ้นดอกเบี้ยอีกรอบ

ด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดยังคงคาดการณ์ว่าจีดีพีไทยปี 2562 จะเติบโต 4.5% ทั้งนี้ ธนาคารอาจปรับลดคาการณ์ลง โดยคาดว่าจีดีพีจะสามารถเติบโตได้มากกว่า 4% แต่อาจไม่ถึง 4.5% ด้านการส่งออกประเมินว่าจะเติบโต 5% ลดลงจากยอดส่งออกปีที่แล้วที่ 6.7% เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันราคากับสินค้าส่งออกจากประเภทเพื่อนบ้านได้ ส่วนการลงทุนหากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งอาจส่งผลกระทบให้ฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลออก ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจมีการพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยตามเพื่อระงับการไหลออกของเงิน

แบงก์เชื่อทุกขั้วสานต่อนโยบาย

นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการ กรุงศรีคอนซูมเมอร์ เปิดเผยว่า การเลือกตั้งน่าจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจไทย รัฐบาลที่ได้รับการเลือกไม่ว่าจะเปลี่ยนขั้วหรือไม่ ก็จะเดินหน้าสานต่อนโยบายเพื่อพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะชาวไร่ชาวนา หรือคนที่มีปัญหาในด้านกำลังซื้อที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ทุกพรรคที่เข้ามาเป็นรัฐบาลก็คงมองเห็นปัญหาคล้ายกัน

ขณะที่นายเดนนิส ชอง บุน ลิม กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เชื่อว่าจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นของนักลงทุน ส่งผลให้ทิศทางตลาดหุ้นไทยสามารถเติบโตได้ จะทำให้ดัชนี SET เพิ่มขึ้นภายในปีนี้ นอกจากนี้ปัญหาจากปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และ เบร็กซิตล้วนส่งผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออกไทยและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน

เชียงใหม่หวังเดินหน้ารถไฟฟ้า

นายสมชาย ทองคำคูณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ชัยพัฒนาขนส่งเชียงใหม่ จำกัด ผู้ให้บริการขนส่งรถโดยสารประจำทางสายเหนือ (กรีนบัส) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ความมั่นใจเรื่องการลงทุนของภาคเอกชนจะมีมากขึ้น เพราะระบบการเมืองจะมีความชัดเจน และภาวะเศรษฐกิจจะกลับเข้าสู่วงจรที่เป็นปกติ น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากพรรคการเมืองต่าง ๆ มีคนรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาในสัดส่วนที่มากขึ้น ซึ่งคนกลุ่มนี้จะมีวิธีคิดใหม่ที่จะนำไปสู่เชิงนโยบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อยากได้พรรคการเมืองที่มองประเด็นด้านสังคม ที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น โดยใช้ระบบเศรษฐกิจเข้ามาสร้างรายได้ของประชาชน ซึ่งจะนำไปสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน

“เมื่อมีรัฐบาลใหม่เกิดขึ้น สิ่งที่คาดหวังอยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาคือ การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ต่อเนื่อง เพราะโครงสร้างพื้นฐานเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแรง เชียงใหม่ ต้องการให้รัฐบาลชัดเจนใน 2-3 ประเด็น คือ การสร้างสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2, โครงการขนส่งสาธารณะระบบหลักในรูปแบบรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) ซึ่งอยากให้เกิดขึ้นพร้อมกันทั้ง 3 สาย (สายสีแดง สีน้ำเงิน และสีเขียว) เพราะเมื่อรถไฟฟ้าเกิดขึ้นพร้อมกันอย่างเต็มระบบ จะทำให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจที่จะลงทุนในโครงการต่าง ๆ เพื่อรองรับ และอีกโครงการที่คาดหวังให้รัฐบาลชุดใหม่ผลักดัน คือ โครงการรถไฟรางคู่ ซึ่งจะสามารถเชื่อมโยงการเดินทางและสร้างเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นทั้งภาคเหนือตอนบน

บีกริมมั่นใจอยู่ไทย 141 ปี

นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกลุ่มบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บีกริมฯดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยเข้าสู่ปีที่ 141 ผ่านเหตุการณ์ทางการเมืองในหลายสถานการณ์ หลายรัฐบาลมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ทุกครั้งไม่ได้ทำให้แผนการดำเนินงานในแต่ละปีเปลี่ยนไปจากที่วางไว้ ไม่ได้ต้องทุ่มเงินลงทุนมากขึ้น หรือชะลอลงหรือปรับแผนอะไร ยังคงมั่นใจในประเทศไทย

สำหรับแผนลงทุนในไทยปี 2562 จะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 2 แห่ง ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้และที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จ.ชลบุรี คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปีครึ่งจึงจะแล้วเสร็จ หากสำเร็จจะลดสัดส่วนการขายไฟให้การไฟฟ้าจาก 90% เหลือแค่ 30% เพื่อเพิ่มสัดส่วนการขายไฟโดยตรงให้กับโรงงานในนิคมแทน และยังมีแผนขยายการลงทุนในต่างประเทศเพิ่ม อาทิ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เวียดนาม 680 เมกะวัตต์ เม็ดเงินประมาณ 23,000 ล้านบาท ที่เกาหลีใต้เม็ดเงินกว่า 10,000 ล้านบาทลงทุนต่อที่โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ลาว ลงทุนสายส่งที่ฟิลิปปินส์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และก๊าซที่มาเลเซีย เป็นต้น

CPF ชี้สร้างบรรยากาศเศรษฐกิจ 

นายสุขวัฒน์ ด่านเสริมสุข ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจอาหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ภาพการเมืองภายในประเทศเวลานี้รับว่าเป็นภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนภายในประเทศเป็นอย่างมาก และเป็นเรื่องที่ภาคเอกชนทุกรายต้องการที่มีผลต่อบรรยากาศของเศรษฐกิจภายในประเทศ

เดินหน้า 2 บิ๊กโปรเจ็กต์แฟชั่น

นายสุริยน ศรีอรทัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวตี้เจมส์ จำกัด เป็นประธานกลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ไม่ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไร ทางกลุ่มคลัสเตอร์แฟชั่นก็จะต้องเดินหน้าจัดกิจกรรมตามแผนที่ได้วางไว้ก่อนหน้าที่จะมีการเลือกตั้ง สเต็ปแรกจะมีการจัดงาน Amazing Thailand Brand And Made in Thailand at ICON Siam ขึ้นในวันที่ 12 ก.พ.นี้ ก็จะยังเดินหน้าต่อไป แต่มีการเลื่อนงานสเต็ปที่ 2 ซึ่งเป็นงานแฟชั่นโชว์รันเวย์ยาวที่สุด 8.9 กม.จากไอคอนสยามสู่สยามพารากอน ซึ่งเดิมกำหนดไว้วันที่ 23 มี.ค. 2562 ไปเป็นวันที่ 22 มิ.ย. 2562 เพื่อให้เกิดความสะดวกในการจัดกิจกรรมสำคัญในช่วงเวลาดังกล่าว การส่งเสริมธุรกิจแฟชั่นของไทยควรเดินหน้าต่อ เพราะอุตสาหกรรมนี้สร้างรายได้ให้ประเทศคิดเป็นสัดส่วน 20% ของจีดีพี และมีการจ้างงานถึง 1 ล้านคน

คลิกอ่านเพิ่มเติม… ระวัง “เลือกตั้ง” ฉุด ศก. ??

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!