“บอร์ด EEC” ไฟเขียวแผนสิ่งแวดล้อม 13,572 ล.-แผนพัฒนาคน 12 ปี ต้องการอีก 1 ล้านตำแหน่ง หวังได้อาชีวะพรีเมียม

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) กล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 2/2562 โดยมี ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน ว่าที่ประชุมเห็นชอบแผนการพัฒนาระบบสาธารณสุขโดย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนสิ่งแวดล้อมฯ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และแผนการพัฒนาบุคลากร โดยกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเทคโนโลยีและนวัตกรรม

สำหรับแผนสิ่งแวดล้อมฯในพื้นที่ EEC พ.ศ.2561-2564 รวม 86 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 13,572 ล้านบาท (งบประมาณ 9,299 ล้านบาท และการร่วมลงทุนรัฐและเอกชน หรือ PPP 4,274 ล้านบาท) แยกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.จัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี 27 โครงการ 2.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมเมือง และชุมชนอย่างน่าอยู่ 14 โครงการ 3.ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม 8 โครงการ 4.บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ อย่างมีประสิทธิภาพ 37 โครงการ

โดยให้เริ่มดำเนินโครงการเร่งด่วน (Flagship Project) 14 โครงการ งบประมาณ 4,342 ล้านบาท และรัฐร่วมทุนเอกชน PPP 4,273 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน เร่งการจัดการมลพิษที่เป็นปัญหาสะสมในพื้นที่ ทั้งขยะและน้ำเสีย โดยเน้นจัดหาและเพิ่มประสิทธิภาพระบบ ให้มีศักยภาพในการรองรับมากขึ้น

กลุ่มที่ 2 เตรียมการรองรับสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม และการฟื้นคืนทรัพยากรธรรมชาติในอนาคต โดยเร่งการศึกษาประเมินผลคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากล เพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการฟื้นฟูการท่องเที่ยว เพื่อเป็นฐานการพัฒนาประเทศต่อไป
ด้านการพัฒนาบุคลากร เพื่อยกระดับการศึกษาสู่ 4.0 โดย 1.กระทรวงศึกษาธิการ ทำหน้าที่ดูแลนักเรียน นักศึกษา ในระบบให้เป็นบุคลากร 4.0 ที่มีความรู้ทำงานได้จริง มีรายได้ดี ด้วยทักษะภาษา เทคโนโลยี ความรู้อุตสาหกรรมใหม่ และมีความสามารถในการสร้างนวัตกรรม ทั้งปรับคุณภาพหลักสูตรอาชีวศึกษาสู่ “อาชีวะพรีเมียม” โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษาจากต่างประเทศ (จีน ญี่ปุ่น และเยอรมัน) ให้ได้รับทวิวุฒิ (Dual Degree) คือวุฒิการศึกษาจากประเทศไทยและวิทยาลัยที่จับคู่ความร่วมมือ ขณะนี้เปิดหลักสูตรนำร่อง 6 สาขาวิชา ได้แก่ สาขาระบบขนส่งทางราง ระบบเมคคาทรอนิกส์ และหุ่นยนต์ สาขาช่างอากาศยาน สาขาหุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรม สาขาโลจิสติกส์ และสาขาเกษตรสมัยใหม่ (Smart Farming)

2.อนุมัติหลักสูตรใหม่ระดับนานาชาติได้รวดเร็ว โดยได้อนุมัติไปแล้ว 3 หลักสูตร คือ (CMKL/อมตะร่วมกับ Taiwan National University/กลุ่มไมเนอร์ร่วมกับ La Rose ของสวิสเซอร์แลนด์)

3.จัดการศึกษารูปแบบโคเซน (KOSEN) ที่แท้จริงในประเทศไทย เป็นสถาบันไทยโคเซนในประเทศไทย
รับนักเรียน ม.3 เข้าศึกษาต่อที่สถาบันไทยโคเซน ผลิตวิศวกรนักปฏิบัติ ในปีการศึกษา 2562 เริ่มต้น
ที่ 24 คน ที่โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ชลบุรี หลักสูตร เรียนไปทำงานจริง

4.การจัดการศึกษาหลักสูตร Business and Technology Education Council (BTEC) ของ Pearson Education Limited แห่งสหราชอาณาจักร เริ่มปี 2562 ใน 4 สถาบัน ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่น และวิทยาลัยเทคโนโลยีจิตรลดา เตรียมคัดเลือกบุคลากรเพื่อเป็น “Master Trainers” เข้ารับการฝึกอบรมจาก BTEC จำนวน 1,000 คน ทำหน้าที่เป็น “ครูแม่ไก่” ในอนาคต

5.จัดเตรียมเสนอโครงการตามแผนงานบูรณาการขับเคลื่อนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จำนวน 16 โครงการ งบประมาณ 725 ล้านบาท เป้าหมายเพื่อผลิต พัฒนา ครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา บุคลากร และผู้ประกอบการรองรับ EEC อย่างน้อยประมาณ 26,043 คน

กระทรวงแรงงานรับผิดชอบการฝึกอบรมฝีมือแรงงานตามความต้องการของเอกชน โดยเน้นคนที่จบการศึกษาและที่ทำงานแล้วให้มาสร้างความสามารถตรงกับความต้องการของตลาด 1.จัดตั้งศูนย์บริหารแรงงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC Labour Administration Centre) ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 3 ชลบุรี ซึ่งเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา

2.จัดทำแผนการขับเคลื่อนศูนย์บริหารแรงงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC Labour  Administration Centre) โดยร่วมกับหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา

3.จัดทำฐานข้อมูลความต้องการแรงงาน จัดหาแรงงานให้ตรงกับความสามารถ การพัฒนาฝีมือแรงงาน รวมทั้งอำนวยความสะดวกให้แก่ นายจ้างและนักลงทุนด้าน VISA และ Work Permit ในพื้นที่ EEC โดยกำหนดมาตรการขับเคลื่อน ระยะปีแรก จัดหาแรงงานที่ขาดแคลนในพื้นที่ EEC จำนวน 14,767 อัตรา ให้กับสถานประกอบกิจการ 1,011 แห่ง ได้เริ่มดำเนินการแล้ว ระยะปานกลาง สำรวจความต้องการแรงงาน จัดระบบฐานข้อมูล ปรับเปลี่ยนกระบวนการพัฒนาคนของประเทศทั้งระบบ ตั้งแต่กระบวนการคิด การเรียนการสอน การฝึกอบรม ไปจนถึงการทำงานที่ตอบโจทย์ความต้องการของแรงงาน

ส่วน สกพอ.ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานหลักและทำโครงการต้นแบบพร้อมขยายผล 1.ขยาย “สัตหีบโมเดล” เป็นโครงการของ EEC โดยขยายสู่วิทยาลัยอาชีวะ 12 แห่ง รับนักศึกษาปีนี้ทั้งสิ้น 932 คน โดยผู้เข้าเรียนไม่มีค่าใช้จ่าย และยังได้เบี้ยเลี้ยง. 2.จัดทำ short course training ที่ปรับคนที่จบมาแล้ว ให้มีงานที่ดี โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยบูรพา และกลุ่มสถาบันต่าง ๆ

3.ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยบูรพา และ Mitsubishi Factory Automation จัดตั้งศูนย์ความร่วมมือ EEC – Mitsu – BUU Automation Centre เพื่อเตรียมการพัฒนาศูนย์เรียนรู้อัตโนมัติที่ใหญ่ และทันสมัยที่สุดในประเทศไทย