กรมเจรจาฯ พร้อมรับมือเปิดเสรีการค้าไทย-ออสเตรเลีย มั่นใจไทยแข่งขันได้

กรมเจรจาฯ เปิดเผยระหว่างการลงพื้นที่ศึกษาผลิตภัณฑ์ชา ย้ำพร้อมรับมือภายหลังเปิดเสรีการค้าไทย-ออสเตรเลีย หลังติดตาม ให้ความรู้ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับเกษตกร ผู้ประกอบการ มั้นใจไทยสามารถแข่งขันทางการค้าได้มากขึ้น

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยระหว่งการลงพื้นที่ จังหวัดเชียงราย เพื่อศึกษา ต่อยอดตลาดสินค้าชาไทย โดยใช้ FTA ว่า เป็นการลงพื้นที่ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 เพื่อติดตามและให้ความรู้ กับเกษตรกร และผู้ประกอบการ เมื่อความตกลงการค้าเสรี หรือ เอฟทีเอ ไทย-ออสเตรเลีย จะมีผลบังคับใช้ในปี 2563 โดยจะทำให้การค้าระหว่าง 2 ประเทศมีเสรีการค้ามากขึ้น ไม่มีภาษีต่อกัน โดยเฉพาะสินค้ากาแฟ ชา โคนม เป็นต้น ดังนั้น เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน กรมฯจึงเล็งเห็นในการเพิ่มศักยภาพและให้ความรู้กับผู้ประกอบการ เพือเพิ่มมูลค่าของสินค้าโดยกรมฯจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาสินค้าไทย

ทั้งนี้ จากปี 2561 ในการลงพื้นที่กรมฯเน้นให้ความรู้และเพิ่มศักยภาพให้กับเกษตรกร เพื่อรองรับการเข้าสู่การค้าเสรี แต่สำหรับปี 2562 นี้ กรมฯนอกจากจะเข้าไปให้ความรู้แล้ว ก็จะเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการ ในการแข่งขัน เพาาะปัจจุบันไทยส่งออกผลิตภัณฑ์ชา เป็นอันดับ 4 รองจาก แคนนาดา สหรัฐ และจีน ส่วนประเทศผู้นำเข้าหลัก เช่น รัสเซีย สหรัฐ ศรีลังกา เป็นต้น อย่างไรก็ดี เมื่อมีเสรีการค้าระหว่างกันมากขึ้น แม้ชาจะไม่ใช่สินค้าที่จะได้รับผลกระทบหลักจากการค้าไทย-ออสเตรเลีย แต่มองว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพให้กับสินค้าชาไทยให้สูงขึ้น

อย่างไรก็ดี กรมฯก็พร้อมนำข้อมูลจากการลงพื้นที่ นำไปร่วมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาและต่อยอดให้กับผลิตภัณฑ์ชาไทย รวมไปถึงสินค้าอื่นๆภายหลังเปิดเสรีทางการค้าด้วยต่อไปในอนาคต สำหรับมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ชา ปี 2561 มูลค่า 600 ล้านบาท ปริมาณ 5,811 ตัน ตลาดส่วนใหญ่ สหรัฐ เมียนมาร์ และกัมพูชา