ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ครั้งที่ 14/2562 ในวันที่ 20 ก.พ. 2562 จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ข้าว พ.ศ. …ฉบับที่คณะกรรมาธิการวิสามัญ 17 คน ได้พิจารณาปรับแก้ไขแล้ว ในวาระที่ 3 ท่ามกลางแรงกดดันหลังร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกจุดกระแสกลายเป็นประเด็นร้อน แถมถูกนำไปผูกโยงกับการเมือง เพราะออกมาในจังหวะเตรียมการเลือกตั้ง เพราะเรื่องข้าว ไม่ได้มีผู้เกี่ยวข้องเพียงแค่ชาวนา 15 ล้านคน แต่รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งผู้ส่งออก โรงสี พ่อค้าข้าวเปลือก พ่อค้าข้าวถุง รวมทั้งผู้บริโภคทั้งประเทศ
ย้อนปมกฎหมายข้าว
ย้อนปมร่างกฎหมายฉบับนี้ “นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ” สมาชิก สนช. กับ สนช. 25 คน ร่วมกันเสนอร่างช่วงเดือน ส.ค. 2561 และถูกบรรจุเข้าที่ประชุม สนช.วาระ 1 เมื่อ 25 ธ.ค. 2561 โดยร่างแรก กำหนดสาระสำคัญให้มี “คณะกรรมการข้าว” หรือ คกข. โดยให้มีกฎหมายรองรับชัดเจน จากเดิมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) จะแต่งตั้งโดยมติ ครม. นอกจากนี้มีการโซนนิ่งให้เกษตรกรขึ้นทะเบียนเพาะปลูกข้าว รวมถึงกำกับดูแลการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว เสมือนรวบรวมทุกประเด็นเรื่องข้าวมาไว้ในกฎหมายฉบับเดียวกัน
- มอเตอร์โชว์ 2024 เริ่มแล้ว
- คำแนะนำจาก ซีอีโอ “ฮั่วเซ่งเฮง” ยุคทอง (โคตร) แพง ต้องลงทุนอย่างไร ?
- ยื่นภาษีปี 2567 หมดเขตเมื่อไหร่ ยื่นไม่ทันต้องทำอย่างไร
สะเทือนไปถึงหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมการค้าภายใน ที่ดูแลการค้าข้าวตาม พ.ร.บ.การค้าข้าว พ.ศ. 2489 กรมวิชาการเกษตร ที่ดูแลเรื่องเมล็ดพันธุ์ ตาม พ.ร.บ.พันธุ์พืช 2518 และ พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542
โดยภารกิจหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตร ถูกโอนสู่มือ “กรมการข้าว” ในฐานะฝ่ายเลขาฯของ คกข. รวมทั้งให้บทบาทในการกำกับดูแลการซื้อขาย และการรับรองเมล็ดพันธุ์ ซึ่งอาจทำให้ “ชาวนา” ที่เคยมีวิถีชีวิตทำเกษตรและเก็บเมล็ดพันธุ์ใช้เอง อาจจะไม่สามารถทำได้อีก
โรงสี-ผู้ส่งออกประสานเสียงค้าน
นอกจากนี้ยังให้อำนาจกำกับดูแลการตลาดข้าว โดยเฉพาะการซื้อข้าวเปลือกระหว่างโรงสีและเกษตรกร ซึ่งมีบทลงโทษรุนแรงถึงขั้นจำคุก กรณีโรงสีกดราคาข้าว จึงถูกสมาคมโรงสีข้าวไทยคัดค้านหนักที่ถูกมองเป็นผู้ร้าย
ขณะที่สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย นักวิชาการก็ชี้ปมว่าร่างกฎหมายดังกล่าวไม่สอดคล้องกับบริบทการค้าข้าวในปัจจุบัน เพราะโรงสีมีกำลังการผลิตมากกว่าข้าวเปลือกที่ผลิตได้แต่ละปีถึง 3 เท่า ไม่มีทางจะกดราคาซื้อ มีแต่จะแย่งกันซื้อ ที่น่าห่วงคือหากกฎหมายปฏิบัติได้ยากก็เสี่ยงที่โรงสีจะหยุดรับซื้อข้าว เพราะโทษถึงขั้นจำคุก
ส่วน “ชาวนา” กลับเสียงแตก เนื่องจากตัวแทนชาวนา 3 สมาคมมองต่างมุมกัน โดยกลุ่มนายระวี รุ่งเรือง นายกสมาคมเครือข่ายชาวนาไทย “หนุน” ให้ สนช.ผ่านร่างกฎหมายนี้ แต่กลุ่มที่คัดค้านคือกลุ่มนายสุเทพ คงมาก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ซึ่งถูกโจมตีว่ามีส่วนได้ส่วนเสียจากการเป็นเจ้าของบริษัทเมล็ดพันธุ์ และกลุ่มนายประสิทธิ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย ซึ่งเปลี่ยนท่าทีมาคัดค้าน เนื่องจากกังวลว่ากฎหมายจะกระทบชาวนา
บิ๊กตู่สั่งเคลียร์ปม
“รศ.ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร” สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ตั้งข้อสังเกตว่า ร่าง พ.ร.บ.ข้าว ที่ผ่านวาระ 1 ยังมีบางมาตราที่เป็นอันตรายต่อการพัฒนาคุณภาพข้าวไทย ขาดความชัดเจนเรื่องการพัฒนาอาชีพทำนาที่มั่นคง และการส่งเสริมการพัฒนาห่วงโซ่การผลิตข้าว หาก สนช.ผ่านกฎหมายจะเกิดความเสียหายใหญ่หลวงต่อวงการข้าวไทย จึงได้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีนำมาซึ่งการปรับแก้ไขร่างกฎหมาย เมื่อ 13-15 ก.พ.ที่ผ่านมา 2 ประเด็นหลักสำคัญ คือปรับแก้ “มาตรา 27/1 วรรค 3 เรื่องการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เดิมให้จำหน่ายได้เฉพาะเมล็ดพันธุ์ที่กรมการข้าวรับรองเท่านั้น เป็นข้อยกเว้นให้ชาวนาจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ที่ยังไม่ได้รับการรับรองให้แก่ผู้รวบรวมพันธุ์ข้าวได้ แต่ผู้รวบรวมพันธุ์ข้าวไม่สามารถนำไปขายต่อได้ หากผู้นำไปขายต่อจะมีโทษถึงจำคุก
อย่างไรก็ตาม หลังทำความเข้าใจในประเด็นนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญ ได้ปรับแก้ถ้อยคำเป็น “เพื่อป้องกันหรือแก้ไขปัญหาการแพร่กระจายของพันธุ์ข้าวที่ไม่ได้คุณภาพ อันจะสร้างความเสียหายต่อชาวนาและเศรษฐกิจของประเทศ ให้อธิบดีกรมการค้าข้าว โดยความเห็นชอบคณะกรรมการมีอำนาจประกาศห้ามมิให้มีการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวจากพันธุ์ที่ไม่ได้คุณภาพดังกล่าวได้” แทน
นอกจากนี้ได้เพิ่มมาตราด้านการส่งเสริมชาวนา จากร่างเดิมที่ไม่มีบทบัญญัติในส่วนนี้
ชี้ 3 จุดอ่อน พ.ร.บ.ข้าว
แต่ทีดีอาร์ไอชี้ว่า ร่าง พ.ร.บ.ข้าวยังมีจุดอ่อนสำคัญ 3 เรื่อง 1.มาตรา 20 กำหนดให้ผู้รับซื้อข้าวเปลือกออกใบรับซื้อข้าวเปลือกทุกครั้ง และให้ส่งสำเนาใบรับซื้อข้าวเปลือกให้กรมการข้าว โดยเน้นการใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ถือเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน ไม่สอดคล้องกับการค้าปัจจุบัน เพราะผู้ค้าจะเทกองข้าวที่ซื้อมารวมกัน ทำให้ไม่สามารถพิสูจน์ความผิดได้ 2.ไม่มีบทบัญญัติพัฒนาส่งเสริมอาชีพชาวนาให้มั่นคงยั่งยืน หรือสร้างแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่มาประกอบอาชีพทำนา
3.มาตรา 27/3 การโอนอำนาจควบคุมเมล็ดพันธุ์ จากกรมวิชาการเกษตรให้กรมการข้าว จะสร้างความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ เนื่องจากกรมการข้าวอยู่ในฐานะทั้งเป็นผู้วิจัย ให้ทุนวิจัยด้านข้าว แถมมีอำนาจในการกำกับควบคุมและออกใบอนุญาต
ต้องจับตาดูว่าการพิจารณาในวาระ 3ของที่ประชุม สนช. ที่เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 26 ก.พ.นี้ บทสรุปออกมาอย่างไร ร่าง พ.ร.บ.ข้าวมีการปรับแก้มากน้อยแค่ไหน หรือจะกลายเป็นเผือกร้อนที่ถูกโยนใส่มือชาวนา