บอร์ดแข่งขันการค้า ออกโรงเตือน กรณี “แอร์เอเซีย” จะเข้าซื้อหุ้น “นกแอร์” หากมีผลทำให้เกิดการผูกขาดหรือเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด จะต้องขออนุญาตต่อกรรมการการแข่งขันทางการค้าก่อน มิฉะนั้นอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายการแข่งขันทางการค้า
นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ กรรมการการแข่งขันทางการค้า และโฆษกคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เปิดเผยว่า คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สขค.)เฝ้าระวัง และจับตาดู กรณีการรวมธุรกิจของบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ สายการบินไทยแอร์เอเซีย (AAV) จะเข้าซื้อหุ้นของบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) จากกลุ่มจุฬางกูร โดยได้ดำเนินการทำ Due Diligence เพื่อประเมินมูลค่าปัจจุบัน
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
“หากมีการดำเนินการซื้อหุ้นจริงอย่างที่เป็นข่าว จะถือว่าเป็นการรวมธุรกิจ ภายใต้กฎหมายการแข่งขันทางการค้า ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ซึ่งมีหลักเกณฑ์ การพิจารณา การเข้าซื้อสินทรัพย์หรือหุ้น เพื่อควบคุมนโยบายการบริหารธุรกิจ การอำนวยการ หรือการจัดการที่เป็นการรวมธุรกิจ พ.ศ. 2561 “
ทั้งนี้ ตามกฎหมายกำหนดแนวทางการพิจารณา 2 กรณี คือ กรณีที่ 1 ต้องขออนุญาตก่อนการรวมธุรกิจ หากการรวมธุรกิจที่จะเกิดขึ้น ระหว่างบริษัท เอเซีย เอวิชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัทสายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) จากการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น ทั้ง 2 บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดสายการบินต้นทุนต่ำ (Low – cost) ภายในประเทศเป็น 2 ลำดับแรก อีกทั้งยังเป็นการรวมธุรกิจแบบแนวนอน (Horizontal Merger) หรือการรวมธุรกิจ ในตลาดสินค้าหรือบริการเดียวกัน หากปรากฎว่าโครงสร้างตลาดหลังรวมธุรกิจทำให้ บริษัท เอเซีย เอวิชั่น จำกัด (มหาชน) มีส่วนแบ่งตลาดเกินกว่าร้อยละ 50 และมียอดเงินขายตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จะเข้าข่ายการรวมธุรกิจ ที่มีอำนาจเหนือตลาด ซึ่งกรณีนี้ ต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า และต้องได้รับการอนุญาตก่อนการรวมธุรกิจ จึงจะสามารถดำเนินการรวมธุรกิจต่อไปได้
กรณีที่ 2 การรวมธุรกิจที่ต้องแจ้งผลการรวมธุรกิจหลังจากรวมธุรกิจแล้ว ภายใน 7 วัน ซึ่งกรณีนี้ จะใช้ยอดเงินขายเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา หากผู้ประกอบธุรกิจรายใดรายหนึ่งที่มียอดเงินขายตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ดำเนินการรวมธุรกิจ ซึ่งการเข้าซื้อหุ้น ของบริษัท เอเซีย เอวิชั่น จำกัด (มหาชน) จากกลุ่มจุฬางกูร ในสัดส่วนการซื้อหุ้นมากกว่าร้อยละ 25 ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทสายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) เพื่อควบคุมนโยบาย การบริหารธุรกิจ การอำนวยการ หรือ การจัดการ แต่ไม่เป็นการผูกขาดหรือมีอำนาจเหนือตลาด จะเข้าข่ายการรวมธุรกิจอันอาจก่อให้เกิดการลดการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญดังนั้น กรณีนี้ สามารถแจ้งผลการรวมธุรกิจให้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าทราบ ภายใน 7 วัน หลังรวมธุรกิจเรียบร้อยแล้วได้
สำหรับบทลงโทษกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย 1. การรวมธุรกิจอันอาจก่อให้เกิดการผูกขาดหรือการเป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาดต้องได้รับการอนุญาตจากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า หากฝ่าฝืน จะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกินร้อยละ 0.5 ของมูลค่าธุรกรรมในการรวมธุรกิจ 2.การรวมธุรกิจที่อาจส่งผลลดการแข่งขัน มีโทษปรับในอัตราไม่เกิน 2 แสนบาท และปรับรายวัน ในอัตราไม่เกิน 1 หมื่นบาท/วัน ตลอดระยะเวลาที่ยังฝ่าฝืนตามกฎหมายอยู่
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ได้สั่งการให้สำนักงานฯ เฝ้าระวัง และจับตาดู กรณีการรวมธุรกิจของสายการบินดังกล่าวข้างต้นอย่างใกล้ชิด และหากตรวจพบพฤติกรรม ที่เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายการแข่งขันทางค้าจะดำเนินการลงโทษตามกฎหมายอย่างจริงจัง และ เคร่งครัด โดยทันที