ซิงเกิลวินโดว์ด่านสะเดา ผ่าน”Form-D”ภายใน3วัน

พาณิชย์นำร่องระบบ “ASEAN Single Window” ด่านสะเดา 6 พันใบ พร้อมเร่งเครื่องให้ครบ 10 ประเทศอาเซียนในปี”62 หวังลดเวลาออกเอกสารจาก 10 วัน เหลือ 3 วัน ดันยอดการค้าทะลุ 2 เท่าในปี”68 

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ในโอกาสที่ไทยจะเป็นประธานการประชุมอาเซียนในปีนี้ ประเด็นเรื่องการเชื่อมโยงระบบอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน หรือ ASEAN Single Window (ASW) เป็นภารกิจหนึ่งใน 13 เรื่องที่ไทยจะต้องเร่งผลักดันให้สมาชิกอาเซียนวางระบบนี้ให้ครบ 10 ประเทศภายในปี 2562 จากปัจจุบันที่มีสมาชิกที่ร่วมแล้ว 5 ประเทศ ทั้งนี้ ASW ถือเป็นการส่งเสริมความเชื่อมโยงในอาเซียน (Enhanced Connectivity)

หากเชื่อมโยง ASW จะทำให้การแลกเปลี่ยนหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA e-Form D)คล่องตัว สะดวกมากขึ้น กลไกนี้จึงช่วยลดภาระด้านเอกสาร พิธีการศุลกากรลดปัญหาของการส่งข้อมูลซ้ำของเอกสารได้ถึง 60-70% ลดจํานวนการใช้เอกสารได้ 44% ลดระยะเวลาที่ใช้ในการเตรียมเอกสารและยื่นเอกสารลงได้ 70% และลดเวลาการดําเนินงานของผู้นําเข้า-ส่งออกให้เหลือ 1-3 วัน จากเดิม 8-10 วัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าภายในภูมิภาค (Intra-ASEAN Trade) เป็น 2 เท่าภายในปี 2568 ตามเป้าหมาย ซึ่งปี 2561 ไทยมีการค้ากับอาเซียน 113,934 ล้านเหรียญสหรัฐ

ปัจจุบันสมาชิกอาเซียน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม ได้เชื่อมโยงการใช้งานระบบ ASW เพื่อแลกเปลี่ยน ATIGA e-Form D ร่วมกันแล้ว ส่วนอีก 5 ประเทศที่เหลือ คือ บรูไน กัมพูชา และฟิลิปปินส์ ได้เริ่มทดสอบการเชื่อมโยงระบบ ASW แล้ว และเมียนมาและ สปป.ลาว อยู่ระหว่างพัฒนาความเชื่อมโยง ซึ่งกรมศุลกากรเป็นหน่วยงานหลักของไทยในการพัฒนาความเชื่อมโยง ASW และสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน)

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในส่วนของกรมได้ติดตามและเร่งรัดให้อาเซียนดำเนินการเชื่อมโยง ASW โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 8-10 มี.ค.ได้นำคณะลงพื้นที่ติดตามการใช้ระบบ ASW ที่ด่านศุลกากรสะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นหนึ่งในด่านศุลกากรที่มีการใช้งานระบบ ASW มากที่สุด เริ่มตั้งแต่ 1 มกราคม 2561 จนถึง 15 กุมภาพันธ์ 2562 มีการยื่น ATIGA e-Form D ผ่านระบบ ASW เพื่อนำเข้าสินค้ารวม 6,050 ครั้ง

“ในฐานะที่ไทยเป็นประธานอาเซียนปีนี้ จะต้องดำเนินการให้สำเร็จในปีนี้ และจะรายงานที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ในวันที่ 22-23 เมษายน 2562 ณ จังหวัดภูเก็ต ให้ความเห็นชอบเพื่อให้ดำเนินการให้ทันตามเป้าหมายปีนี้”

สำหรับการประชุมอาเซียนครั้งนี้ ไทยมีแนวคิดร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน เน้นดำเนินการ “3 ด้าน 13 ประเด็น” ได้แก่ ด้านเตรียมความพร้อมอาเซียนรับมือการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 หรือ Future Orientation 5 ประเด็น, ด้านส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาคอาเซียน หรือ Enhanced Connectivity 5 ประเด็น และด้านการส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจของอาเซียนอย่างยั่งยืนในทุกมิติ หรือ Sustainable in all Dimensions 3 ประเด็น