“ปาล์ม” ระส่ำหนักผลผลิตทะลักสต๊อกล้นทุบราคาดิ่ง

“ตลาดน้ำมันปาล์มระส่ำ” เอกชนปูดสต๊อกปาล์มน้ำมันยังล้น 5 แสนตัน-ผลผลิตเข้าช่วงพีก คาดทั้งปี 17 ล้านตันทะลัก ส่วนโครงการซื้อน้ำมันปาล์ม กฟผ.สร้าง “ราคาตลาด 2 มาตรฐาน” แถมเอกชนบางรายฉวยโอกาสเทสต๊อกปาล์มห่วยขายรัฐ หวั่น กฟผ.เลิกสัญญา

แหล่งข่าวโรงสกัดปาล์มน้ำมันกล่าวว่าสถานการณ์ราคาผลปาล์มขณะนี้ปรับลดลงอยู่ที่ กก.ละ 2.40-2.60 บาท เนื่องจากสต๊อกน้ำมันปาล์มเก่ายังอยู่ 4-5 แสนตัน สูงกว่าเซฟตี้สต๊อกที่ควรมี 2.5 แสนตัน เป็นผลจากตลาดโลกยังคงซบเซา มาเลเซียยังไม่สามารถส่งออกไปยุโรปได้ ราคาน้ำมันปาล์มดิบโลกยังอยู่ที่ กก.ละ 14-15 บาท ประกอบกับเข้าช่วงพีกการเก็บผลผลิตปี 2562/2563 ซึ่งจะเริ่มออกตั้งแต่ มี.ค. และสูงสุดในช่วง พ.ค.-มิ.ย. 2562 ตามตัวเลขของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดว่ามีปริมาณ 17 ล้านตัน จากพื้นที่ปลูกที่เพิ่มจาก 3 เป็น 5 ล้านไร่

“แม้ว่าโครงการที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับซื้อน้ำมันปาล์มเพื่อผลผลิตไฟฟ้า 1.6 แสนตันจะเป็นโครงการที่มีเจตนาที่ดี แต่มาตรการดังกล่าวยังไม่สามารถรักษาเสถียรภาพราคาผลปาล์มได้ เพราะ 1) ไม่โฟกัสไปแก้ปัญหาสต๊อกที่ค้างเดิมแต่เน้นดูดซับผลผลิตฤดูกาลใหม่ โดยบังคับให้ซื้อจากเกษตรกรที่มีสมุดเขียว 2) ปริมาณรับซื้อน้อย 1.6 แสนตัน หากคำนวณน้ำมันปาล์มดิบ 1,000 ตันใช้ผลปาล์ม 5,500 ตันเท่านั้น หากเทียบเท่ากับปริมาณผลปาล์มทั้งฤดูที่กำลังออก 17 ล้านตัน หรือกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ 2 แสนตันต่อเดือน

และที่สำคัญมาตรการดังกล่าวยังทำให้ราคาปาล์มในตลาดแบ่งเป็น 2 ระดับราคา กล่าวคือ ราคาที่รัฐบาลซื้อ กก.ละ3.20-3.25 บาท และราคาที่เอกชนซื้อนอกโครงการ 2.40-2.60 บาท และราคาน้ำมันปาล์มดิบรัฐซื้อ กก.ละ 18 บาท ตลาดซื้อ กก.ละ 14-15 บาท คนก็จะวิ่งขายโครงการรัฐ แต่รัฐก็มีแค่ 1.6 แสนตันซื้อไม่ได้ทั้งหมด

ขณะที่เอกชนไม่สามารถเร่งซื้อได้ เพราะกระบวนการดำเนินการค่อนข้างยุ่งยาก ทำให้การซื้อขายล่าช้า เช่น การรับซื้อต้องมีสำเนาใบรับซื้อจากเกษตรกรที่มีสมุดเขียวจึงทำให้มีปริมาณเอกสารจำนวนมาก ขั้นตอนการวางบิลหลังจากส่งมอบลงเรือแล้วเอกชนต้องวิ่งมารับใบรับสินค้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกงเพื่อนำไปวางบิลที่สำนักงาน กฟผ.บางกรวย และกว่าจะได้รับเงินแต่ละลอตใช้เวลานานถึง 1 เดือน ทำให้เอกชนต้องสำรองเงินไปก่อน ก็มีผลต่อสภาพคล่อง

“มาตรการเข้มงวดสร้างความโปร่งใส แต่ก็เป็นต้นทุนและสร้างความยุ่งยากให้กับโรงสกัด”

ส่วนกรณีที่มีหนังสือเวียนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2562 แจ้งไปยังเอกชน 32 รายที่ลงนามทำสัญญาซื้อขายกับ กฟผ. เพื่อให้รับทราบว่าน้ำมันปาล์มดิบที่ส่งให้กับโรงไฟฟ้ามีสิ่งเจือปน และส่งผลกระทบต่อขบวนการและขั้นตอนการผลิตไฟฟ้านั้น มองว่าน่าจะเกิดในช่วงการขนส่งลงเรือ เนื่องจากบางโรงมีความเป็นกรดสูง บางโรงมีความเป็นกรดน้อย เมื่อขนส่งลงเรือแล้วไปผสมกันในเรือ ซึ่งประเด็นนี้ทำให้โรงสกัดเกรงว่าจะถูกปรับอัตรา 0.5% ของมูลค่าสินค้า หรืออาจจะนำไปสู่การยกเลิกสัญญา ซึ่งหากไม่เข้าร่วมโครงการไม่สามารถขายในตลาดปกติได้ เพราะตลาดแทบไม่มีการซื้อขาย และราคาต่ำกว่ารัฐบาล กก.ละ 2 บาท

แหล่งข่าวโรงสกัดน้ำมันปาล์มจังหวัดสุราษฎร์ธานีอีกรายหนึ่งที่ทำสัญญาขายให้ กฟผ. 8,000 ตัน ส่งมอบแล้ว 3,000 ตัน ยอมรับว่า หลังจากที่ได้รับหนังสือได้เร่งตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะหากเป็นจริงจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการทันทีและมีผลต่อภาระและต้นทุนที่ผู้ประกอบการรับซื้อปาล์มน้ำมันจากเกษตรกร อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการส่งมอบน้ำมันของบริษัทได้ตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานในห้องปฏิบัติการ จึงมั่นใจว่าไม่น่าจะมีปัญหา และระหว่างนี้ยังมีการทยอยส่งมอบให้ กฟผ.ต่อ

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ กฟผ.ยังคงรับมอบน้ำมันปาล์มจากโรงงานปกติ ส่วนการออกหนังสือไปยังโรงสกัดนั้น เป็นไปเพื่อสร้างความเข้าใจให้ผู้ประกอบการได้ตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานให้ถูกต้อง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่าเจอปัญหาน้ำมันปาล์มดิบที่ส่งให้ กฟผ. ไม่ได้มาตรฐาน คาดว่าจะทยอยรับมอบน้ำมันปาล์ม 1.6 แสนตัน ได้ตามสัญญา โดยส่วนใหญ่เป็นผลผลิตจาก จ.สุราษฎร์ธานี รองลงมา คือ กระบี่ ตรัง ปัตตานี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และชลบุรี ซึ่งโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มต้องซื้อผลปาล์มจากเกษตรกร กก.ละ 3-3.25 บาท ภายใน 60 วัน นับจาก 8 มี.ค. 2562

“ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ 1.6 แสนตัน คิดเป็นผลปาล์มปริมาณ 8.8 แสนตัน คิดเป็น 70% ของปริมาณผลผลิตที่กำลังออกสู่ตลาด ซึ่งผลจากการตัดสต๊อกจะทำให้สต๊อกปัจจุบันคงเหลือ 2.1 แสนตัน ใกล้เคียงกับสต๊อกปกติที่ต้องรักษาไว้ที่ 2-2.5 แสนตัน และหากเร่งใช้ B20 เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ราคาผลปาล์มปรับขึ้นจาก กก.ละ 2.70-2.80 เป็น กก.ละ 3-3.25 บาทตามเป้าหมายได้”

พร้อมกันนี้ กรมได้ทำหนังสือถึงผู้ผลิตและผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดเพื่อให้ปรับราคาให้สอดคล้องกับราคาผลปาล์มดิบ เนื่องจากราคาเพดานอ้างอิงเดิมที่กำหนดขวดละ 42 บาทไม่เหมาะสมกับราคาวัตถุดิบ จึงจะไม่มีการกำหนดเพดานราคาจำหน่ายปลีกแนะนำน้ำมันปาล์มอีกต่อไป จนกว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลง โดยราคาที่เหมาะสมขณะนี้ควรอยู่ที่ขวดละ 30 บาท ซึ่งหลังจากนี้กรมได้จัดทำโครงสร้างการคำนวณราคาประมาณการตั้งแต่ผลปาล์มน้ำมัน น้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันปาล์มบรรจุขวด 1 ลิตร เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ราคาจำหน่ายที่ควรจะเป็นให้สะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริงต่อไป