นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เปิดเผยว่า ในระยะ 5 เดือนที่ผ่านมามีความคืบหน้าของโครงการอีอีซีหลายด้าน ตามที่กำหนดพื้นที่หลัก 4 ด้าน ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนธุรกิจและอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวและการสร้างเมืองใหม่ แบ่งเป็นทั้งหมด 15 โครงการหลัก โดย 5 ลำดับแรกรัฐบาลได้ดำเนินการอนุมัติการลงทุนแล้ว 43,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯในระยะ 5 ปีแรก ซึ่งในขณะนี้ได้รับการอนุมัติไปแล้ว 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นายคณิศกล่าวว่า โครงการก่อสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลได้อนุมัติไปแล้ว เพื่อส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางการบินและซ่อมบำรุงเครื่องบินที่สำคัญของภูมิภาคตะวันออก ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูง ที่จะช่วยสนับสนุนการเชื่อมต่อ สนามบินหลัก 3 แห่ง ได้แก่ สนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ซึ่งจะทำให้การเดินทางระหว่างกรุงเทพ-อู่ตะเภารวดเร็วขึ้น และช่วยส่งเสริมให้สนามบินอู่ตะเภาเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมการบินที่สำคัญ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 15 ล้านคนภายใน 5 ปี เพิ่มเป็น 30 ล้านคนใน 10 ปี และ 60 ล้านคนใน 15 ปี และคาดการณ์รายได้ไว้ที่ 150,000 ล้านบาท ขณะที่รถไฟความเร็วสูงจะมีรายได้ 40,000 ล้านบาท โดยโครงการรถไฟความเร็วสูงจะเชื่อมต่อกับสนามบินอู่ตะเภาและท่าเรือสำคัญของภาคตะวันออกทั้ง 3 แห่งคือ แหลมฉบัง มาบตาพุด และสัตหีบ
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- ตรวจหวย ใบตรวจหวย ผลรางวัล สลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน 2567
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
“การร่วมลงทุนรัฐและเอกชน (พีพีพี) ซึ่งตามปกติกฎหมายจะใช้เวลา 25-40 เดือน แต่ขณะนี้รัฐบาลได้ดำเนินการปรับแก้กฎระเบียบการลงทุนให้เหลือเพียง 8 เดือน ซึ่งคาดว่าจะทำเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) ได้ภายในช่วงปลายปี 2560 และจะเริ่มประมูลได้ในช่วงต้นปี 2561 โดยคาดว่าจะมีบริษัทเอกชนเข้ามาลงทุนอย่างน้อย 30 บริษัท” นายคณิศกล่าว
นายคณิศกล่าวว่า ทางด้านอุตสาหกรรมอากาศยาน ขณะนี้มีบริษัทการบินชั้นนำของโลกสนใจเข้ามาลงทุน ทั้งโบอิ้ง แอร์บัว การบินไทย และแอร์เอเชีย ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ก็ได้รับความสนใจจากบริษัทชั้นนำ ทั้งนิสสัน โตโยต้า และฟอม ส่วนธุรกิจอีคอมเมิร์ซก็มีความคืบหน้าเช่นเดียวกัน โดยลาซาด้าและอาลีบาบาจะนำทีมใหญ่เข้ามาลงทุนในช่วงปลายปีนี้ รวมถึงในโอกาสครบรอบการฉลองความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นในเร็วๆ นี้ ที่จะมีนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามา 300-500 คน ก็คาดว่าจะสรุปการลงทุนได้ 20-30 สัญญา
ที่มา : มติชนออนไลน์
