ซีแวลูปรับเป้าหมายโต30% พ้น IUU-ยอดอาหารแมวพุ่ง

แฟ้มภาพไม่เกี่ยวกับข่าว

อานิสงส์ไอยูยูดัน “ซี แวลู” ยอดขายทะลุเป้า 2.7 หมื่นล้าน เผยเทรนด์เลี้ยงหมาแมวอัดกำลังซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงพุ่ง เล็งปรับเป้าเพิ่ม 30% จับตาสงครามการค้า-บาทแข็ง ทุบส่งออก

นายอมรพันธ์ อร่ามวัฒนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.ยูนิคอร์ด ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ปลาทูน่า อาหารกระป๋องและอาหารสัตว์รายใหญ่ของประเทศไทย และ บมจ.ซี แวลู กล่าวว่า ปี 2562 บริษัทตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 27,500 ล้านบาทเติบโต 15% จากผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งอาหารสำเร็จรูปของคนและอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง เพื่อเสริมไลน์สินค้าให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเทรนด์กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงโตขึ้น 100% ในปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทพร้อมลงทุนในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นหลัก โดยจะปรับสัดส่วนรายได้จากการส่งออกอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงเพิ่มจาก 25% เป็น 30% ภายในปี 2563 รายได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปีนี้ยังเป็นเทรนด์ในทิศทางเชิงบวก รวมถึงปัจจัยราคาต้นทุนปลาทูน่าปรับตัวลดลง ส่งผลให้มีการนำเข้าวัตถุดิบได้ดีต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อสนใจสั่งซื้อในช่วงครึ่งปีแรกยังเติบโตได้ดี มีออร์เดอร์ แต่ปัจจัยที่น่าห่วงภาวะการส่งออก คือ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกอย่างมีนัยสำคัญ

“จริง ๆ แล้วปี 2019 ยังเติบโตได้ดี ครึ่งปีแรกยังเป็นจังหวะที่ดีของการส่งออก ติดเพียงปัญหาค่าเงินที่เราต้องหาจังหวะ ส่วนปัจจัยสถานการณ์โลกค่อนข้างเติบโตอย่างมีนัย ไม่ว่าจะเป็นภาวะสงครามการค้าเทรดวอร์ แม้มีออร์เดอร์ค่อนข้างมากในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่เมื่อผู้ซื้อนำเข้าไปแล้วอาจจะไม่มั่นใจจนเกิดการโอเวอร์สต๊อกจากไทย นี่คือสิ่งที่เป็นห่วงไม่แพ้ค่าเงินบาท”

สำหรับนโยบายภาครัฐมองว่า รัฐบาลมีความพยายามปรับกฎหมายแรงงานให้เข้มงวดเพื่อเป็นการจัดระเบียบ ซึ่งมาถูกทางจะทำให้ภาพลักษณ์การค้ามนุษย์ของไทยดีขึ้น สินค้าประมงไทยเป็นที่ยอมรับมากขึ้นไปอีก สามารถตรวจสอบย้อนกลับสินค้าได้ รวมถึงเรื่องการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน ไร้การควบคุม (IUU Fishing) เป็นเรื่องที่ไทยควรจะทำมานานเพื่อความสมดุลของทรัพยากร รัฐจะต้องควบคุมจัดระเบียบต่อเนื่อง บริหารจัดการให้ดียิ่งขึ้นไป ไม่ใช่เพียงปลดใบเหลืองไอยูยู

ปัจจุบันซี แวลู มีรายได้สัดส่วนจากการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา 20% เอเชีย 25% ออสเตรเลีย 10% ตะวันออกกลางและแอฟริกาใต้ 25% โดยส่งออกกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ซึ่งในปีนี้ยังมีแผนเจาะตลาดอเมริกาและออสเตรเลียเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเห็นว่ามีศักยภาพในการเติบโตสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกาที่มีจำนวนสัตว์เลี้ยง (หมาและแมว) กว่า 200 ล้านตัว ขณะที่เอเชียมีสัตว์เลี้ยงประมาณ 20 ล้านตัว ดังนั้น โอกาสในการขยายตลาดเดิมยังมีอีกมาก