ทิ้งทวนรัฐบาล! ไฟเขียว กม.เอื้อชาวประมงคืนกำไรหลังไทยหลุดไอยูยู

“บิ๊กฉัตร” แจง ครม.ไฟเขียว ร่างกฎกระทรวงปรับปรุงการอนุญาตการทำประมงพาณิชย์ ลดเงื่อนไขรวมเรือ-เพิ่มวันทำประมงให้สอดคล้องกับขีดความสามารถในการทำการประมงและปริมาณผลิตผลสูงสุดของสัตว์น้ำ หวังผลทำประมงได้อย่างยั่งยืน

พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบอนุมัติในหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. … ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ซึ่งอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 โดยร่างกฎกระทรวงฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีการจัดสรรปริมาณสัตว์น้ำให้สอดคล้องกับขีดความสามารถในการทำการประมง และปริมาณผลิตผลสูงสุดของสัตว์น้ำที่สามารถทำการประมงได้อย่างยั่งยืนตามที่กำหนดไว้ในแผนบริหารจัดการการประมงของไทย โดยมีสาระสำคัญ 3 ประเด็นหลัก คือ 1. เพิ่มเติมหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตให้ทำการประพาณิชย์ ได้แก่ ผู้ขอรับใบอนุญาตต้องมีกรรมสิทธิ์ในเรือประมงที่จะทำการประมง และในกรณีที่ผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในเรือประมงหลายลำ ไม่ว่าจะเป็นเรือประมงไทยหรือมิใช่เรือประมงไทยต้องแจ้งชื่อเรือประมงดังกล่าวทุกลำพร้อมทั้งหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ในเรือประมงลำนั้น กรณีเรือประมงที่ยังไม่จดทะเบียนเป็นเรือไทยตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทย ต้องมีหนังสือรับรองการขอจดทะเบียนเรือประมงจากกรมประมง 2. การแก้ไขรายการในใบอนุญาต ผู้ได้รับใบอนุญาตสามารถยื่นคำขอแก้ไขรายการในใบอนุญาตได้ 5 กรณี ได้แก่ (1) แก้ไขรายการในใบอนุญาตให้สอดคล้องกับข้อมูลที่ปรากฏในหลักฐานทางทะเบียนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (2) แก้ไขรายการในใบอนุญาต กรณีนำเรือประมงลำอื่นมาทดแทนเรือที่มีใบอนุญาตทำการประมง (3) แก้ไขรายการในใบอนุญาตเกี่ยวกับเครื่องมือทำการประมง (4) แก้ไขรายการในใบอนุญาตเกี่ยวกับพื้นที่ทำการประมง และ (5) แก้ไขรายการในใบอนุญาต กรณียกสิทธิของปริมาณสัตว์น้ำที่ได้รับการจัดสรรในรอบปีการประมง ทั้งนี้ การแก้ไขรายการในใบอนุญาตแต่ละประเภทให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติเห็นชอบ และ 3. กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาการโอนใบอนุญาตในลักษณะควบรวมปริมาณสัตว์น้ำ เพื่อให้มีการจัดสรรปริมาณสัตว์น้ำให้สอดคล้องกับขีดความสามารถในการทำการประมงและปริมาณผลิตผลสูงสุดของสัตว์น้ำที่สามารถทำการประมงได้อย่างยั่งยืนตามที่กำหนดไว้ในแผนบริหารจัดการการประมง ทั้งนี้ เป็นไปตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

“ร่างกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว เป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอใบอนุญาตของบทบัญญัติของกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. 2561  ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 ฉบับเดิม ที่ไม่ครอบคลุมข้อเท็จจริงบางประการ และไม่สอดคล้องกับวิถีการทำประมงของชาวประมงที่แท้จริง เช่น หลักเกณฑ์ในการพิจารณาอนุญาตให้ทำการประมงพาณิชย์ การแก้ไขรายการในใบอนุญาต และการโอนใบอนุญาตทำการประมง เป็นต้น ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น โดยกฎกระทรวงฉบับใหม่นี้มอบอำนาจให้อธิบดี

กรมประมงสามารถแก้ไขใบอนุญาตการทำประมงได้ใน 5 กรณี ได้แก่ 1. การแก้ไขให้สามารถนำเรือประมงลำอื่นมาทดแทนเรือที่มีใบอนุญาตทำการประมงซึ่งจม หรือชำรุด ผุพังได้ 2. การแก้ไขใบอนุญาตให้มีการปรับเปลี่ยนเครื่องมือประมงตามที่กรมประมงกำหนดได้ เช่น เปลี่ยนจากเครื่องมืออวนลากเป็นเครื่องมืออวนติดตา ซึ่งต้องมีประสิทธิภาพการจับสัตว์น้ำน้อยกว่าเครื่องมือเดิม 3. เปลี่ยนพื้นที่ทำประมงได้ของเครื่องมือบางชนิดได้ เช่น การย้ายฝั่งทำการประมงจากอันดามันไปยังอ่าวไทย ทั้งนี้ ต้องขึ้นกับปริมาณสัตว์น้ำที่สามารถจับได้อย่างยั่งยืนของแต่ละพื้นที่ด้วย

4. หากประสงค์หยุดทำประมงชั่วคราว สามารถโอนโควต้าสัตว์น้ำในลักษณะควบรวมปริมาณกับใบอนุญาตอื่นได้ โดยที่เรือยังสามารถมาขอใบอนุญาตในรอบปีการประมงต่อไปได้ และ 5. หากต้องการเลิกทำประมงให้สามารถควบรวมใบอนุญาตได้ โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องนำเรือออกนอกระบบไปหนึ่งลำ ซึ่งถือเป็นประเด็นหลักที่ชาวประมงจะได้ประโยชน์ เนื่องจากได้รับวันทำประมงเพิ่มขึ้น” พลเอกฉัตรชัยกล่าว