จิสด้า จับมือ เบโด้ ผลักดันการใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพบนฐานข้อมูลเทคโนโลยีอวกาศ

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2562 สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ เบโด้ จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการดำเนินงาน การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานข้อมูลเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ เพื่อสนับสนุนความร่วมมือการดำเนินงานเพื่อพัฒนาช่องทางการสื่อสารในการรับรู้ ยกระดับข้อมูลให้มีความน่าเชื่อถือและทำความเข้าใจในโครงการชุมชนไม้มีค่า ป่าครอบครัว สอดคล้องนโยบายรัฐบาลที่ได้กำหนดเป้าหมายพื้นที่สีเขียวของประเทศเพิ่มขึ้น 40% ภายในปี 2579 ซึ่งจะเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในพื้นที่ของรัฐ 25% และพื้นที่นอกพื้นที่อนุรักษ์ 15%

นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธานในพิธีฯ กล่าวว่า การส่งเสริมให้ประชาชนปลูกไม้เศรษฐกิจในที่ดินกรรมสิทธิ์หรือที่ดินที่มีสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ที่มั่นคง ช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าให้กับประเทศ และทำให้ประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยมีหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางในการพัฒนา โดยมีเป้าหมายว่าผู้ปลูกต้นไม้ควรจะมีรายได้หลักจากแหล่งอื่นๆ มุ่งเน้นการสร้างแรงจูงใจให้เป็นแหล่งรายได้เสริมจากการเก็บรักษาต้นไม้ในระยะยาว

ด้าน ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการจิสด้า กล่าวว่า ทั้ง 2 หน่วยงานจะดำเนินการร่วมกันพัฒนา ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการนำระบบภูมิสารสนเทศไปใช้สนับสนุนโครงการชุมชนไม้มีค่า ป่าครอบครัว ด้านการปลูกป่าเชิงนิเวศ การประเมินมูลค่าบริการระบบนิเวศเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนบนพื้นฐานข้อมูลเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ

“จิสด้า มีฐานข้อมูลเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ที่จะเป็นการหนุนเสริมโครงการชุมชนไม้มีค่า และกิจกรรมอื่นๆ ตามภารกิจของทั้ง 2 หน่วยงาน รวมถึงร่วมพัฒนาศูนย์บริหารจัดการและตัดสินใจเชิงพื้นที่เพื่อดำเนินงานความร่วมมือด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การแลกเปลี่ยนข้อมูลองค์ความรู้ระหว่างหน่วยงานในเรื่องการใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศเพื่อการติดตามและประเมินความหลากหลายทางชีวภาพในระดับชุมชนให้เกิดเป็นช่องทางเพื่อสนับสนุนภาคประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในรูปแบบที่ทันสมัย เข้าใจและเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย” ดร.อานนท์ กล่าว