หอการค้า ขอรัฐบาลใหม่ ให้ความสำคัญกับ Agenda ประเทศเหนือนโยบาย -ดูแลสินค้าเกษตร-

หอการค้า ขอรัฐบาลใหม่ ให้ความสำคัญกับ Agenda ประเทศเหนือนโยบาย -ดูแลสินค้าเกษตร-เจรจาเอฟทีเอตลาดหลัก

นายกลินท์ สารสิน ประธานหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากการติดตามผลการนับคะแนนคาดว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลผสมตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาในการผสมผสานจับคู่ทางการเมืองประมาณ 1-2 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย ส่วนประเด็นการดำเนินโนบายเศรษฐกิจภาพรวมมองว่าการที่พรรคร่วมรัฐบาลมีนโยบายที่ต่างกัน จะอย่างไร ก็ต้องดู Agenda ของประเทศ เป็นหลัก ว่าทำไปแล้วประเทศจะได้ประโยชน์อย่างไร

โดย Agenda หลักของประเทศควรมุ่งเน้นการดูแลความสงบเรียบร้อยของประเทศเป็นเรื่องสำคัญ เลือกตั้งแล้วก็ไม่ควรมีการแบ่งแยกทางการเมือง ประเด็นนี้จะส่งผลให้ต่างชาติและนักท่องเที่ยวเกิดความมั่นใจในการเดินทางมาเยือนหรือเข้ามาลงทุนในประเทศไทย นอกจากนี้ที่สำคัญจะต้องดำเนินการดูแลเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร สร้างมูลค่าเพิ่ม และหาตลาดรองรับ โดยคงใช้นโยบายการตลาดนำตลาดต่อไป

“เรื่องการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาลควรเดินหน้าการลงทุนในโครงการต่างๆ ตามแผน โดยเฉพาะการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่จะเป็นโยบายที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การให้สิทธิประโยชน์การลงทุนตามที่บีโอไอประกาศไว้ รวมถึงการมุ่งเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย”

ด้านการค้าระหว่างประเทศควรสานต่อการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะความตกลงเปิดเขตการค้าเสรีที่สำคัญ เช่น เอฟทีเอไทย-สหภาพยุโรป ซึ่งทางสหภาพยุโรปเคยแจ้งว่าหากไทยมีการเลือกตั้งก็จะมีการสานต่อเรื่องนี้ หรือความตกลงกับประเทศสหรัฐฯ ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) รวมถึงความตกลงที่อยู่ระหว่างการเจรจา เช่น ความตกลงเอฟทีเอไทย-ศรีลังกา

“ภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ทางคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)เตรียมจะมีการพิจารณาปรับทบทวนตัวเลขหลังจากพ้นไตรมาส 1 เนื่องจากขณะนี้มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายอย่างทีเปลี่ยนแปลง แม้ว่าการเลือกตั้งจะทำให้เกิดความมั่นใจและเกิดการเดินหน้าทางเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจโลก ปัญหาสงครามการค้า รวมถึงการดำเนินนโยบายอังกฤษที่จะแยกออกจากอียูก็เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อภาพรวมการส่งออกซึ่งเป็นหนึ่งตัวเลขการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ”