วิกฤตแรงงานเกษตร! มังคุดราคาตก ผลผลิตทะลัก กรมวิชาการเกษตรเร่งหารือโรงคัดแยก-ผู้ประกอบการ หวั่นกระทบส่งออกจีน

กรมวิชาการเกษตร แจงสภาพอากาศร้อนสลับฝนส่งผลมังคุดสุกแก่เร็ว ผลผลิตล้น ผู้ประกอบการตั้งรับไม่ทันขาดแรงงานคัดแยกผลผลิต ส่งผลราคาตกต่ำ ยันมาตรการตรวจสอบก่อนปล่อยผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นไปตามเงื่อนไขคู่ค้า เอื้อส่งออกทั้งลดขั้นตอนตรวจสอบ สะดวกและรวดเร็ว

นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ตามที่มีการโพสต์ข้อความในสื่อโซเซียลมีเดีย ว่า กรมวิชาการเกษตรดำเนินงานล่าช้าเป็นเหตุให้ราคามังคุดตกต่ำนั้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เกี่ยวข้องของกรมวิชาการเกษตร ได้แก่ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จันทบุรี และด่านตรวจพืชจันทบุรี เข้าไปตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ราคามังคุดตกต่ำ พบว่าในปีนี้มังคุดภาคตะวันออกมีปริมาณผลผลิตมากและมีหลายรุ่น ซึ่งจะเริ่มทยอยสุกและเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม และจะมีปริมาณผลผลิตออกตลาดมากในช่วงเดือนพฤษภาคม แต่ในปีนี้จากสภาพอากาศร้อนสลับกับฝนตกเป็นบางช่วง ทำให้มังคุดสุกแก่เร็วกว่าปกติ ผลผลิตมังคุดรุ่นแรกทะลักออกสู่ตลาดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ผู้ประกอบการบางรายจัดเตรียมแรงงานไว้สำหรับคัดแยกมังคุดไม่เพียงพอ ประกอบกับมีการกวดขันจับกุมแรงงานผิดกฎหมายทำให้โรงคัดบรรจุขาดแคลนแรงงาน จึงเป็นสาเหตุทำให้มังคุดราคาตกต่ำ มิได้มีความเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จากกรมวิชาการเกษตรแต่อย่างใด

ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางการจีนได้เข้มงวดในการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ และได้มีการทำหนังสือแจ้งเตือนประเทศไทยหลายครั้งให้ดำเนินการแก้ไขเรื่องการตรวจพบศัตรูพืชในผลไม้ที่นำเข้าจากไทย ซึ่งหากฝ่ายไทยยังไม่ดำเนินการแก้ไข อาจเป็นเหตุผลที่ฝ่ายจีนจะระงับการนำเข้าผลไม้จากประเทศไทย สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร จึงได้จัดทำแผนปฏิบัติงานโดยมอบหมายให้หัวหน้าด่านตรวจพืชจันทบุรีเป็นผู้จัดการในการตรวจสินค้าในเขตจังหวัดจันทบุรี ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอกรมวิชาการเกษตรได้เตรียมความพร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่จากด่านตรวจพืชอื่นๆ ของกรมวิชาการเกษตรเพื่อช่วยดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม โดยนายตรวจพืชจะให้บริการสุ่มตรวจศัตรูพืชถึงโรงคัดบรรจุเพื่อสนับสนุนการส่งออกให้เกิดความคล่องตัวและรวดเร็ว

นอกจากนี้ ในช่วงเดือนเมษายนนี้คาดว่าจะมีผลผลิตมังคุดและทุเรียนออกมาเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีศัตรูพืชกักกันติดไปกับทุเรียนและมังคุด และให้เป็นไปตามข้อตกลงไทย-จีน กรมวิชาการเกษตรจะจัดนายตรวจพืชลงมาดำเนินการตรวจสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ประกอบการ โดยเบื้องต้นได้สั่งการให้ด่านตรวจพืชดำเนินการตรวจสอบทุเรียนที่ส่งออกอย่างเข้มงวด และให้โรงคัดบรรจุที่ได้รับการรับรองและขึ้นทะเบียน GMP ปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด ซึ่งก่อนเปิดฤดูกาลส่งออกทุเรียนและมังคุด นายตรวจพืชได้ลงพื้นที่ให้คำแนะนำและตรวจสอบเครื่องมือ/อุปกรณ์ทำความสะอาดผลทุเรียนและมังคุด รวมถึงการกำจัดศัตรูพืช พร้อมกับทำหนังสือแจ้งผู้ประกอบการส่งออกให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของประเทศคู่ค้าอย่างเคร่งครัด โดยที่ผ่านมาได้ร่วมประชุมหารือกับผู้ประกอบการ/ผู้ส่งออก เพื่อชี้แจงให้ทราบถึงเงื่อนไขการปฏิบัติเพื่อการส่งออกทุเรียนและมังคุดที่เป็นไปตามเงื่อนไขของประเทศคู่ค้าแล้ว


“เจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืชจะไปสุ่มตรวจทุเรียนและมังคุดสดที่จะส่งออก ณ โรงคัดบรรจุ โดยเน้นตรวจสอบศัตรูพืชของทุเรียนและมังคุด ที่มีความเสี่ยงสูง อาทิ เพลี้ยแป้ง หนอนเจาะเมล็ด และเชื้อรา ซึ่งหลังตรวจสอบแล้วหากพบว่าเป็นไปตามเงื่อนไขเจ้าหน้าที่จะปิดผนึกหรือซิลล์ตู้คอนเทนเนอร์เพื่อจะไม่ต้องเปิดตู้ตรวจซ้ำ ณ หน้าด่านก่อนส่งออกอีก ซึ่งวิธีการดังกล่าวช่วยลดขั้นตอนการทำงานและทำให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วต่อผู้ประกอบการด้วย อย่างไรก็ตาม ยังมีปัญหาที่เจ้าหน้าที่พบจากการเข้าไปตรวจสอบผลผลิตที่โรงคัดบรรจุหลายครั้ง ได้แก่ สินค้าไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ประเทศคู่ค้ากำหนด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ผู้ประกอบการดำเนินการแก้ไขและกลับมาตรวจครั้งที่ 2 โดยการตรวจในรอบนี้อาจจะมีความล่าช้าอยู่บ้าง แต่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจให้แล้วเสร็จภายในวันเดียว และตรวจปล่อยตู้คอนเทนเนอร์ที่ได้รับแจ้งจนหมด จึงขอยืนยันว่าขั้นตอนการปฏิบัติงานดังกล่าวของกรมวิชาการเกษตรไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ราคามังคุดตกต่ำตามที่มีผู้กล่าวอ้างแต่อย่างใด” อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าว